IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
BEAUTY มองแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก ทยอยรับรู้รายได้จากการปรับ กลยุทธ์จัดโครงสร้างการจัดจำหน่าย รุกตลาดต่างประเทศ มุ่งขยายธุรกิจเพิ่มจากช่องทางร้านค้าปลีก ( Non Retail ) ในประเทศ พัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ชเพิ่มประสิทธิภาพการขาย บริหารความเสี่ยงลดสัดส่วนการพึ่งพิงตลาดหลัก เพิ่มช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 รายได้ 1,080.3 ล้านบาท กำไรสุทธิ 116.3 ล้านบาท คาดการณ์รายได้ปีนี้ 2,200 ล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.035 บาท/หุ้นหรือคิดเป็น 90.10 %ของกำไรสุทธิ
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา มุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้โดยขยายธุรกิจนอกจากช่องทางร้านค้าปลีก ( Non Retail )ในประเทศ และเดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น
จากกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยผลักดันรายได้ให้เติบโต และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ดี เนื่องจากมีต้นทุนดำเนินการที่ต่ำ และเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป
ทั้งนี้ตลาดในประเทศจะมุ่งเน้น ช่องทางการขายที่ไม่ใช่ร้านค้าปลีก(ช่องทาง Non Retails ) เช่นขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ช่องทางสินค้าอุปโภค สินค้าประจำวัน (Consumer Product) ช่องทางกิจกรรมการตลาด บิวตี้ เฟส ( BEAUTY FEST ) ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าในรูปแบบของงานแสดงสินค้า สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือตลาดนัด สินค้าที่จำหน่ายจะมีทั้งสินค้าของบริษัทเองและของคู่ค้าต่างๆ และช่องทางการจำหน่ายใหม่ โฮมชอปปิ้ง ซึ่งได้เริ่มออกอากาศแล้วในเดือน กรกฎาคม 2562 รวมทั้งใช้กลยุทธ์สินค้าขับเคลื่อน (Product Driven) ซึ่งในปีนี้มีแผนสร้าง Product Hero จำนวน 57 รายการ
ส่วนช่องทางร้านค้าปลีก ( Retails ) มุ่งกลยุทธ์การเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสูง และลดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ โดยปัจจุบันมีสาขาในประเทศรวมทั้งสิ้น 328 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 259 สาขา BEAUTY COTTAGE 68 สาขา และ BEAUTY MARKET 1 สาขา อีกทั้งบริษัทปรับดีไซน์ของร้าน BEAUTY BUFFET ซึ่งได้เปิดตัวแล้วในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี พร้อมทั้งสร้างโมเดลการขายสินค้าประเภท Multi Brand เข้ามาจำหน่าย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวโมเดลนี้ในวันที่ 19 สิงหาคม 2562
สำหรับตลาดต่างประเทศ ในปีนี้มีแผนขยายตลาดจำนวน 15 ประเทศ ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่าย13 ประเทศ ประกอบด้วย สิงคโปร์ ไตหวัน มาเลเซีย เมียนม่า ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฮ่องกง ลาว บรูไน อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศจีน(Mainland Chaina) สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่าเป็นตลาดใหญ่ มีโอกาสทางธุรกิจสูง ปัจจุบันบริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายแล้วจำนวน 4 ราย และปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 25,296 จุดจำหน่าย อีกทั้งยังเน้นรุกตลาดประเทศจีน โดยกระจายสินค้าผ่านช่องทาง Cross Border E-commerce อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายแล้วจำนวน 10 Platforms อาทิ TMALL, JD, Kaola, VIP, YUNJI, Little Redbook, Beidiam, Jumei , PIN DUO DUO และ Global Scaner และในปีนี้มีแผนเจรจาเพิ่มทั้งจำนวน Platform และขยายจำนวน SKUs สินค้าเข้าจำหน่าย รวมทั้งมีแผนแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในอีก 3 ประเทศเป้าหมาย คือ รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แคนาดา
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2 มีรายได้รวม 531.6 ล้านบาท ลดลง 3.1 % จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 548.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 46.8 ล้านบาท ลดลง 32.8% จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 69.6 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2562 บริษัทมีรายได้รวม 1,080.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,762.5 ล้านบาท ลดลง 38.7% และมีกำไรสุทธิ 116.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 538.8 ล้านบาท ลดลง 78.4%
ทั้งนี้ผลประกอบการปรับตัวลดลง เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว นักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม ผู้ซื้อสินค้ารายย่อยไปจำหน่าย (Wholesale ) ลดลงเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดเครื่องสำอาง ด้านตลาดต่างประเทศได้รับผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าจีน การอ่อนค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้การส่งออกสินค้าทุกประเภทไปประเทศจีนน้อยลง
อย่างไรก็ตามธุรกิจ BEAUTY ยังมีศักยภาพในการเติบโตจากการปรับกลยุทธ์โครงสร้างการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และยังได้รับคำสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนจำหน่ายประเทศจีนและประเทศอื่นๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้า BEAUTY ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคจีนและประเทศเขตเอเซีย โดยคาดการณ์รายได้ทั้งปี 2562 ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.62 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.035 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 90.10 %ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 104.8 ล้านบาท โดยจะทำการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับปันผล(Record Date)ในวันที่ 28 ส.ค. 62 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 9 ก.ย. 62