November 15, 2024

Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

TFG เตรียมลงทุนกว่า 2 พันล้าน ลุยตลาดไทย-เทศ

“บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)” หรือ TFG ประกาศแผนการลงทุนปี 2563 หลังหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาทขายเกลี้ยง ตั้งงบลงทุนกว่า 2,000 - 2,500 ล้านบาท เตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 10 % และขยายฟาร์ม โรงงานอาหารสัตว์และแปรรูป สู่ผู้ผลิตอาหารครบวงจรรองรับตลาดส่งออกทั่วโลก

นายเพชร นันทวิสัย รองประธานงานฟาร์มและพัฒนาคุณภาพ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีส่งผลหุ้นขายเกลี้ยงทั้งหมด บริษัทฯ จึงได้เตรียมแผนการลงทุนในปี 2563 นี้ สำหรับการขยายฟาร์ม โรงงานอาหารสัตว์ และโรงงานแปรรูปสุกร เพื่อรองรับกำลังการผลิตเนื้อไก่ 350,000 ตันต่อปี และเนื้อหมู 100,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีกประมาณ 10% จากปีที่ผ่านก่อน

การขายหุ้นกู้มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี โดยมีธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการจำหน่าย โดยได้รับการค้ำประกันโดย Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ผู้เป็นกองทรัสต์ภายใต้การบริหารของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย และหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ซึ่งสามารถขายจนหมดเกลี้ยงจนสามารถเตรียมทุนในการต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ นั้น

 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานและโครงสร้างธุรกิจหุ้นกู้ของบริษัทฯ ส่งผลในการขยายธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

โดย Credit Guarantee and Investment Facility หรือ CGIF จัดตั้งโดยความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก ASEAN+3 ร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในภูมิภาค ASEAN+3 โดยหน้าที่หลักของ CGIF คือค้ำประกันหุ้นกู้ที่ออกในสกุลเงินท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่โดยผู้ออกหุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือที่ตั้งขึ้นในประเทศในภูมิภาค ASEAN+3

ขณะที่ธุรกิจส่งออกชิ้นส่วนไก่ ยังเติบโตดีต่อเนื่อง จากราคาขายที่สูงกว่าราคาในประเทศ 1 เท่าตัว เพราะ จีนขาดแคลนหมูอีก 5-8 ปี และ ทางการจีนอนุมัติ โรงงานไก่ ในประเทศ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนราคาไก่ในประเทศเพิ่มขึ้นได้แต่ไม่มาก เพราะการส่งออกไก่นั้น ส่งออกไม่ได้ทั้งตัว เพียง เท้าและปีก ทำให้เนื้อยังขายในประเทศ ส่วนราคาหมูที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ในช่วง 2 เดือน ทั้งในประเทศ และ ในภูมิภาค เพราะเกิดปัญหาหมูขาดแคลนในจีนและเวียดนาม เพราะ เกิดโรคระบาดหมูในปี 2562 รวมถึง กรณีที่ประเทศจีนมีการนำเข้าไก่เพิ่มขึ้น หลังจากราคาหมูปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 1 เท่าตัว จึง ส่งผลดีกับประเทศไทยได้ประโยชน์เพราะเป็นประเทศที่ส่งออกไก่รายใหญ่ โดยที่ผ่านมาทางการจีนได้เข้ามาอนุมัติโรงงานส่งออกไก่ของไทยเพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มผลิตไก่ปรุงสุก เพื่อส่งออก จากโรงงานใหม่ โดยผลิตให้กับ ลูกค้ารายใหญ่จากญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก ส่วนใหญ่เป็นการส่งสินค้าปรุงสุกเข้า เครือข่ายร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ มีออร์เดอร์กลุ่มแรก เป้าหมาย 1,500 ตัน มูลค่าประมาณ 290 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยสูงกว่า การส่งออกไก่ดิบแช่แข็ง และ จะเป็นคำสั่งซื้อระยะยาวต่อเนื่อง มีราคาเสถียรกว่า ทำให้ธุรกิจยั่งยืนกว่า ซึ่งจะช่วยลดการขายไก่ในประเทศ และ ป้อนชิ้นส่วนไก่เป็นวัตถุดิบ สู่โรงงานปรุงสุก มากขึ้นเป็นการเพิ่มราคาไก่เฉลี่ยให้สูงขึ้น อีกทางหนึ่ง

 

บริษัทฯ มั่น่ใจว่า ธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มทั้ง ไก่ สุกร และอาหารสัตว์ ยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ราคาตลาดของไก่ และสุกร ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าและในประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงป้องกันโรคระบาดของไก่และสุกรอย่างระมัดระวังขั้นสูงสุด โดยจะเริ่มผลิตสินค้าไก่ปรุงสุก แช่แข็ง เพื่อส่งออก จากโรงงานใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตชั้นนำของโลก ซึ่งโรงงานใหม่มีกำลังการผลิต 30,000 ตันต่อปี หรือเดือนละ 2,550 ตัน เพื่อผลิตสำหรับการส่งออกโดยตรง

ทั้งนี้ งบลงทุนของปี 2563 บริษัทได้ตั้งเป้าใว้ที่ 2.5-3.0 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานอาหารสัตว์ โรงชำแหละ โรงแปรรูป และขยายฟาร์ม ทั้งนี้คาดการณืสัดส่วนรายได้ของปีนี้ แบ่งเป็นจากธุรกิจไก่ 50%, ธุรกิจสุกร 30%, และอีก 20% เป็นธุรกิจอาหารสัตว์และอื่นๆ  โดยจะเป็นการส่งออกประมาณ 30% ได้แก่ ส่งออกไก่ดิบเพิ่มเป็น 60,000 ตัน จากปีที่แล้วส่งออกได้ 50,000 ตัน และไก่ปรุงสุกเพิ่มเป็น 12,000 ตัน จากปีที่แล้วส่งออกได้ 5,000 ตัน ส่วนการขายในประเทศจะมีสัดส่วนที่ 70%

 

ไทยฟู้ดส์ฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร เริ่มดำเนินกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่แห่งแรกในจังหวัดลพบุรี โดยมีกำลังการผลิต วันละ 20,000 ตัว และบมจ. ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2544 ภายใต้ชื่อ บริษัท ไทยฟู้ด (2001) จำกัด

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2545 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท ไทยฟู้ดส์ โพลทรีย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทฯ ได้แปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 

บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตอาหารแบบครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไก่และสุกร โดยมีการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถแบ่งสายผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้

  • ธุรกิจไก่ ได้แก่ การเพาะพันธุ์ไก่ การผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่ ลูกไก่ ไก่พันธุ์เนื้อ ไก่พันธุ์ไข่ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อไก่
  • ธุรกิจสุกร ได้แก่ การเพาะพันธุ์สุกรและการจำหน่ายสุกรมีชีวิต
  • ธุรกิจอาหารสัตว์ ได้แก่ การผลิตและการจำหน่ายอาหารสัตว์ โดยมุ่งเน้นที่อาหารสำหรับไก่และสุกร และ
  • ธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งโดยหลัก ได้แก่ ให้บริการศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีนและเวชภัณฑ์ และจำหน่ายเวชภัณฑ์ซึ่งวิจัยและพัฒนาโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัทฯ และการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารสัตว์และอุปกรณ์การเกษตรที่ทำจากพลาสติก

ภายใต้วิสัยทัศน์ ว่า “ผู้ผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐานสากลของโลก”

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Wednesday, 25 May 2022 12:46
อนุทิพย์ ก่อเกิดทรัพย์ทวี

Author : เกาะติด รวบรวมข่าวและองค์ความรู้เกี่ยวกับเกษตร สาระน่ารู้เรื่องเกษตรทุกด้าน นับตั้งแต่ด้านพันธุ์ เทคโนโลยีการผลิต การอารักขา เครื่องจักรกลการเกษตร ตลอดถึงด้านการแปรรูป

Related items

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  
X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM