IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO หลัง SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทรับงานเสาเข็มเจาะเพิ่มเติม 4 โครงการ มูลค่ารวม 750 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสวนภาวะตลาดติดลบ โดยปิดตลาดวานนี้ (4 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 9.40 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 3.87% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 93.36 ล้านบาท จึงยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 10.50 บาท อยู่ 12%
โดยพบว่า นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กทพ.คาดออก TOR ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก แบ่งเป็น 5 สัญญา รวมมูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาท เปิดประมูลเดือนต.ค.นี้ และประกาศผลไตรมาส 1/62 ส่วนทางด่วนขั้นที่ 3 ตอน N2 รวมส่วนขยายทดแทน N1 มูลค่า 2.1-2.2 หมื่นล้านบาท คาดเปิดประมูลไตรมาส 3/62 มองบวกกับกรอบเวลาที่ชัดเจนขึ้น คาดเห็นงานประมูลทยอยออกมาตั้งแต่ไตรมาส 4/61 ผู้รับเหมาที่ชอบคือ SEAFCO และให้ราคาเป้าหมาย 10.50 บาท
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” SEAFCO ให้ราคาเป้าหมาย 10.02 บาท/หุ้น ซึ่งประเมินด้วย Forward P/E ปี 61 ที่ 22 เท่า ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเล็กน้อย หลังปรับคาดการณ์กำไรปีนี้เพิ่ม 1% สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่มากขึ้น ซึ่งมองจุดเด่นคือ คาดว่ากำไรหลักปีนี้และปีหน้าจะทำสถิติสูงสุดใหม่และเติบโตสดใสเทียบจากปีก่อน โดยปี 61 เติบโต 90% และปี 62 เติบโต 18% ด้านฐานะการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน ณ ปลายไตรมาส 2/61 เป็นเพียง 0.3 เท่า สำหรับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจปีนี้และปีหน้าเป็น 2.8% และ 3.3% ตามลำดับ ทั้งนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 3/61 เติบโตก้าวกระโดด หลังกำไรหลักในงวดครึ่งปีแรกเติบโตถึง 47% เมื่อเทียบจากปีก่อน และโต 16% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และคาดว่าจะเป็นกำไรรายไตรมาสที่ทำได้สูงสุดในรอบปี 61 แม้ฤดูกาลจะไม่เอื้ออำนวยคือ อยู่ในช่วงฤดูฝนก็ตาม
ส่วนงานก่อสร้างในมือสูงรายได้ในอนาคตมั่นคง ปัจจุบันมีงานก่อสร้างในมือ 2.8 พันล้านบาท จะสามารถก่อสร้างและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ 1.5 พันล้านบาท จะสามารถก่อสร้างและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ 1.5 พันล้านบาท และปีหน้าอีก 1.3 พันล้านบาท จึงเป็นการรับประกันรายได้ปีนี้และปีหน้าถึง 100%/46% แล้ว จึงถือว่ามีความมั่นคงในการที่จะทำได้ตามประมาณการ อีกทั้งใน Backlog มีสัดส่วนคิดเฉพาะค่าแรง 48% และค่าแรงรวมวัสดุเป็น 52% ซึ่งปกติอัตรากำไรขั้นต้นของงานคิดเฉพาะค่าแรงอยู่ในเกณฑ์สูง รวมถึงการเข้าประมูลงานใหม่อีก 5-6 พันล้านบาท
โดยเป็นการเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาระดับงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปีไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท และจากปัจจุบันงานที่ออกมามีปริมาณค่อนข้างมาก ส่งผลให้การแข่งขันด้านราคาน้อยลง บริษัทจึงเน้นการรับงานที่ให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่เหมาะสมได้ พร้อมด้วย นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ“ซื้อ” หุ้น SEAFCO ให้ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท/หุ้น สะท้อนค่า PER ปี 2562 ที่ 22 เท่า
โดยมองว่าปีนี้ บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ดีจากงานขนาดใหญ่ของรัฐ ได้แก่ งานรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีชมพู และงานภาคเอกชน ได้แก่ One Bangkok โดยครึ่งปีแรกบริษัททำกำไรสุทธิที่ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบจากปีก่อน คิดเป็น 50% จากประมาณการทั้งปีของบล.เอเชีย เวลท์ ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 สูงสุดในประวัติการณ์ โดยปัจจุบัน SEAFCO มี Backlog อยู่ราว 2,804.59 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภายในประเทศราว 2,721.9 ล้านบาท และงานต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเมียนมาร์ ราว 82.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
ส่วนงานในประเทศยังคงสามารถรับรู้รายได้ได้ต่อเนื่อง จากงานรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีชมพู ที่ทางผู้ว่าจ้าง ได้แก่ STEC เร่งรัดงานก่อสร้างฐานราก ส่วนงาน One Bangkok ทั้ง 2 เฟสก็คาดว่าทางบริษัทจะทยอยเร่งงาน เพื่อเตรียมเข้าเริ่มงานในเฟส 4 ต่อในเดือนต.ค.นี้ นอกจากนี้ตั้งแต่ต้นปี 2561 บริษัทได้เข้าร่วมประมูลงานไปแล้วทั้งหมด 76 โครงการ โดยประกาศผลการประมูลไปแล้ว 32 โครงการ ซึ่งทาง SEAFCO ได้งานทั้งสิ้น 5 โครงการ
ส่วนที่เหลืออีก 44 โครงการ (มูลค่า 6,840 ล้านบาท) ที่ยังไม่ได้ประกาศผลนั้น บริษัทคาดว่าจะได้งานประมาณ 20%
ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงคาดว่าจะดี ทั้งงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลพยายามเร่งเปิดประมูลงานเพิ่มขึ้น เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน หรือโครงการทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง เป็นต้น และงานก่อสร้างภาคเอกชน ที่คาดว่าจะเติบโตตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และงานก่อสร้างคอนโดต่าง ๆ ตามแนวรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ บล.เคทีซีมิโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SEAFCO ให้ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท/หุ้น โดยแนวโน้มธุรกิจเสาเข็มสดใส หนุนงานในมืองาน ผนวกกับ Backlog แข็งแกร่ง รองรับการรับรู้รายได้ 4-5 ไตรมาสดีกว่าคาดเดิม จึงปรับประมาณการกำไรปี 61-62 เพิ่ม 14% และ 6%
ที่มา : ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์