บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เดินหน้าลงทุนครั้งใหญ่ เร่งปรับโครงสร้างองค์กร แต่งตั้งบริษัทโฮลดิ้ง "สเตคอน กรุ๊ป" พร้อมวางธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม ตั้งเป้าหมาย 5-10 ปี กำไร 4,000 ล้านบาท และมาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้านบาทรองรับยุทธศาสตร์ใหม่และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้งของประเทศทำให้โครงการใหญ่ๆหลายอย่างไม่ต่อเนื่อง เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟรางคู่ขอนแก่น-หนองคาย และ รถไฟทางคู่จิระ-อุบลราชธานี ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลในขณะนี้ยังไม่สามารถเบิกเงินงบประมาณประจำปี 2567 มาลงในโครงการดังกล่าวได้
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_01.jpg)
คุุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ แถลงข่าว “การปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของซิโน-ไทยฯ” ซึ่งประกอบไปด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทโฮลดิ้ง”) ณ ห้องประชุุมใหญ่ชั้น 30 อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีของโลกในปัจจุบันทำให้เรามองเห็นธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้นอกจากงานก่อสร้าง และนั่นถือเป็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ บริษัทจึงได้มีการวางกลยุุทธ์ในการลงทุนในธุุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) และธุรกิจก่อสร้างเดิมที่มี Backlog แข็งแกร่งกว่าแสนล้านบาท รวมถึงผลักดันให้รายได้ประจำ (Recurring income) มีสัดส่วนที่มากขึ้น เรายังคงให้ความสำคัญในธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจหลักและกลุ่มธุรกิจอื่น
- กลุ่มธุรกิจหลัก เราจะแยกออกเป็นกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ดำเนินการภายใต้บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
- กลุ่มธุรกิจอื่น คือ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน, กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง รวมถึงโครงการสัมปทานอื่นๆ ของภาครัฐ
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_02.jpg)
บริษัท สเตคอน เพาเวอร์ จำกัด บริษัทในกลุ่ม ซิโน-ไทย จับมือ 2 พันธมิตรจัดตั้ง DC POWER BN1 ทำโครงการ Data Center จำนวน 4 อาคาร มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท หวังเปิดศักราชใหม่แห่งนวัตกรรมดิจิทัลในกรุงเทพและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะนำร่องสร้าง 2 อาคารก่อน คาดสามารถสร้างรายได้ในปี 2568 อาคารละ 300 ล้านบาทต่อปี
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า "ในส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น เรามีแผนที่จะลงทุุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยจะพัฒนาและศึกษาความเป็นไปได้และผลตอบแทนของธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษััท และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาว ปัจจุบันเราได้เริ่มเดินหน้าจัดตั้งและบริหารจัดการ ดังนี้"
- บริษัท วิสดอม เซอร์วิสเซส จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขายและให้เช่าเครื่องจักรขนาดใหญ่ด้วยมาตรฐานระดับสากล จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายและบริการ ภายใต้การนำเข้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่างเช่น Liebherr จากประเทศเยอรมันนี และ Kato จากประเทศญีปุ่น
- บริษัท เอส เอ็น ที คอนกรีต โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในโครงการสำคัญต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการทางยกระดับ สะพาน รวมถึงงานอุโมงค์ขนาดใหญ่ เป็นต้น
- บริษัท สเตคอน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเดิมที่อยู่ในกลุ่ม ซิโน-ไทย บริษัทได้บริหารจัดการ ให้เข้าดูแลในส่วนงานด้านพลังงาน ปัจจุบันได้จับมือกับพันธมิตรจัดตั้ง บริษัท DC Power BN1 จำกัด เพื่อลงทุนในธุรกิจ Data Center บนพื้นที่ติดถนนบางนา-ตราด กม.4
![](/images/Xcustomer_year5/Xcustomer_im03_2023/RPS_resize.jpg)
บริษัทฯ จึงได้มีปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของบริษัทฯ ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทโฮลดิ้งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ กำหนดวิธีการชำระค่าหุ้น ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้งในอัตราการแลกหุ้น (Share Swap ) หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้ง 1 หุ้น ต่อ หุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการยื่นขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ราวเดือนกรกฏาคม ปี 2567 หลังจากนั้นจะยื่นขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไรเติบโตแตะระดับ 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ในระดับ 1 แสนล้านบาท ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1.24 หมื่นล้านบาท
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_03.jpg)
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ และคณะผู้บริหาร ไปศึกษาดูงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะเป็นเส้นทางสำคัญที่ช่วยพัฒนาศักยภาพระบบการขนส่งทางรางของประเทศ ให้สามารถรองรับการขยายตัวของการค้าชายแดนและผ่านแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย และจะก่อสร้างเสร็จในปี 2571
“ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เพราะมองเห็นโอกาสและลู่ทางในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ นอกจากงานก่อสร้าง จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน และภายหลังการดำเนินการดังกล่าว จะมีการแบ่งการบริหาร และกำหนดนโยบายของกลุ่มธุรกิจเดิม และกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน”
ได้มีการวางกลยุทธ์ในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) และธุรกิจก่อสร้างเดิมที่มี Backlog แข็งแกร่งกว่าแสนล้านบาท รวมถึงผลักดันให้รายได้ประจำ (Recurring income) มีสัดส่วนที่มากขึ้น
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_04.jpg)
นายภาคภูมิกล่าวต่อว่า แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี และในส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยจะพัฒนาและศึกษาความเป็นไปได้ และผลตอบแทนของธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษัทและสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาวอีกด้วย
"ทั้งหมดนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงในกลยุุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ซิโน-ไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาธุุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นสำคัญ และวันนี้ STECON GROUP และกลุ่มบริษัท พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ที่จะทุ่มเทความรู้ ความสามารถ ในการพัฒนาธุุรกิจ ให้เติบโต มั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมกับการพัฒนาประเทศต่อไป"
“ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานก่อสร้างในมือประมาณ 1.02 แสนล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ 26,000 -27,000 ล้านบาท สำหรับปี 2567 ยังคงเตรียมประมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เน้นงานก่อสร้างอาคารของภาคเอกชนเนื่องจากมีการตัดราคากันสูง” นายภาคภูมิ กล่าวทิ้งท้าย
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/JARATEn_resize.jpg)
“Move To The Next Chapter” “ก้าวสู่บทใหม่ของ ซิโน-ไทย”
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_06.jpg)
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ ร่วมด้วย คุณใจแก้ว เตชะพิชญะ กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร และคุณจารุณัฐ จิรรัตน์สถิต รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ ได้มาพบกับคณะผู้บริหาร และพนักงาน ในวาระ “ผู้บริหารพบพนักงาน ประจำปี 2567” ณ อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ เพื่อมอบนโยบาย และแนวทางการดำเนินงาน โดยจะเป็นการให้ข้อมูลของการดำเนินงาน รวมถึงการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของ ซิโน-ไทยฯ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ซิโน-ไทย พร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนองค์กร
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_07.jpg)
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_12.jpg)
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC กล่าวว่า "นโยบาย (Policy) เป็นการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน อันนำมาซึ่งความสำเร็จ บรรลุวัตถุุประสงค์โดยมีเป้าหมายและทิศทางเดียวกัน ผมขอขอบคุณ พนักงาน ซิโน-ไทย ทุกท่าน ที่ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ในการทำงานในทุกๆ ส่วนของโครงการ จนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าผลงานของเรามีคุณภาพ ซึ่งผลงานทีมีคุณภาพนั้น จะต้องถูกผลิตจาก คนที่มีคุณภาพ ทุุกคนคือฟันเฟืองที่ประกอบกันขององค์กร และพนักงาน ซิโน-ไทย คือ สิ่งที่มีคุณค่าสูงสุุดขององค์กร ผมขอให้เรารักษา วัฒนธรรม ความตั้งใจ ความสามัคคีนี้ไว้ต่อไป องค์กรของเราจะเริ่มบทบาทใหม่่ “The Next Chapter” ในปี 2567 เป็น บทบาทที่จะเต็มไปด้วยความสำเร็จเราจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ มากำหนดทางเดินของเราอีกต่อไป เราจะเลือกทางเดินของเราเอง ซิโน-ไทย มีรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจ งานวิศวกรรมและก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานที่เรา มีความถนัด เรามีบุคลากรที่รักและซื่อสัตย์ต่อองค์กร เราจะใช้ฐานความมั่นคงนี้ มุ่งหน้าออกไปหาสิ่งใหม่ๆ และมองไปข้างหน้า มันอาจต้องใช้ระยะเวลาบ้าง แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าบทบาทใหม่ของเรา จะประสบความสำเร็จ สามารถสร้างความ มั่นคง แข็งแกร่ง สร้างความสุข ให้เกิดขึ้นกับองค์กรและพวกเราทุกคนในอนาคต และผมขอมอบ นโยบาย (Policy) “Move To The Next Chapter” “ก้าวสู่บทใหม่ของ ซิโน-ไทย” เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของบุคลากร ในองค์กรต่อไป"
![](/images/Xcustomer_year4/Xcustomer_im07_2022/Hatyai-article_resize.jpg)
มอบ “อาคารชาญวีรกูลที่ 71”
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้จัดพิธีมอบ “อาคารชาญวีรกูลที่ 71” ซึ่งเป็นอาคารเรียน ขนาด 1 ห้องเรียน 2 ห้องน้ำ ให้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านพญาโกหา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ภายใต้โครงการ “ซิโน-ไทย คืนกำไรสู่สังคม” โดย คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เป็นประธานในพิธีมอบ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และพนักงาน ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณสุรพล วงศ์หวัน ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ จังหวัดเชียงราย เป็นตัวแทนรับมอบอาคารฯ นอกจากนี้ยังมอบอุปกรณ์การเรียน และอุปกรณ์กีฬา เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษา อันจะสามารถสร้างเด็ก เยาวชน ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ นอกจากนั้นพี่ๆพนักงาน จากสำนักงานใหญ่ ยังร่วมกันปันน้ำใจ บริจาคสิ่งของเหลือใช้มาให้เด็กนักเรียน และประชาชนในชุมชนอีกด้วย
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_08.jpg)
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_09.jpg)
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า “โครงการ “ซิโน-ไทย คืนกำไรสู่สังคม” เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2545 ดำเนินการมากว่า 22 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเท่าเทียมด้านการศึกษา บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการจัดสร้าง อาคารเรียน อาคารห้องสมุด และอาคารเอนกประสงค์ ในชื่อของ “อาคารชาญวีรกูล” เพื่อมอบให้กับโรงเรียนที่มีความขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงโรงเรียนที่มีความจำเป็นแต่ขาดงบประมาณในการก่อสร้าง จนปัจจุบันบริษัทฯ ได้ส่งมอบอาคารต่างๆ ไปแล้วทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 70 โรงเรียน และปีนี้เราได้จัดสร้างอาคารชาญวีรกูลที่ 71 เพื่อมอบให้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านพญาโกหา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้เป็นจุดศูนย์รวมการศึกษาให้เด็กนักเรียนในชุมชน รวมถึงชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ได้เล่าเรียนจนเติบโตเป็นกำลังสำคัญที่มีคุณภาพของประเทศ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาของประเทศไทย”
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_10.jpg)
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_11.jpg)
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการ “ซิโน-ไทย คืนกำไรสู่สังคม”อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะก่อสร้างอาคารชาญวีรกูล ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ของประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาของประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ESG ให้แก่ชุมชนและสังคมได้เติบโต พร้อมกับการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
![](/images/Xcustomer_year5/Xcustomer_im09_2022/PANAWAT-article_resize.jpg)
ศูนย์ SLC ได้รับการรับรองเป็นอาคารเขียวมาตรฐาน LEED ระดับ GOLD
อาคาร Sino-Thai Learning Center (SLC) ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งอยู่ ณ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ที่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 เดือนตุลาคม พ.ศ.2566 ในปลายปีที่ผ่านมานั้น
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_13.jpg)
ปัจจุบัน อาคารนี้ได้รับการรับรองเป็นอาคารเขียวมาตรฐาน Leadership in Energy & Environmental Design หรือ LEED ระดับ GOLD ในด้านการออกแบบและก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ ออกแบบมาเพื่อความเป็นผู้นำด้านการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีสภาอาคารสีเขียวสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Green Building Council (USGBC) ได้เป็นผู้กำหนดเกณฑ์ในการประเมินอาคาร ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ เกือบทั่วโลก มานานกว่า 10 ปี
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_14.jpg)
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า "อาคารศูนย์การเรียนรู้ SLC นี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งซิโน-ไทยฯ ได้มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการพัฒนาความรู้ พัฒนาทักษะ ในการทำงานต่อบุคลากร ซึ่งศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะเป็นแหล่งรวมข้อมูลเรื่องงานด้านวิศวกรรมและก่อสร้าง ที่วันนี้เราจะเปิดโอกาสให้บุคลากรทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ได้เข้ามารับความรู้ ทักษะ จากวิทยากร ที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ ซิโน-ไทย เราทุกท่านคงทราบดีว่าเรามีประสบการณ์ในการบริหารงานก่อสร้างมายาวนานกว่า 61 ปีทำงานมาแล้วน่าจะครบทุกประเภทของสิ่งก่อสร้างในประเทศไทย จึงสามารถมั่นใจได้ว่า ด้วยประสบการณ์ของบุคลากรของเราจะถูกถ่ายทอดให้ผู้เข้าอบรมได้อย่างดี และสามารถที่จะจุดประกายแนวความคิด ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_16.jpg)
![](/images/Xcustomer_year6/Xcustomer_im02_2024/STEC_15.jpg)
ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยบนพื้นที่กว่า 9 ไร่ เป็นอาคารต้นแบบ ในด้านอาคารเขียว ตามมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ LEED และได้รับการรับรองเป็นอาคารเขียวมาตรฐาน LEED ระดับ GOLD สามารถรองรับผู้เข้าอบรมได้กว่า 100 คน มีอาคารศูนย์อาหารที่ได้มาตรฐานสุขอนามัย อาคารที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก 2 อาคาร จำนวน 40 ห้อง และมีลานจอดรถที่กว้างขวาง สามารถรองรับผู้เข้าอบรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรและขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) ซิโน-ไทยฯ พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาความรู้ เสริมสร้างศักยภาพ ทั้งบุคลากรภายในองค์กร และภายนอกองค์กร โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการที่ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนสังคม เพื่อพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนตลอดไป
![](/images/Xcustomer_year5/Xcustomer_im09_2022/PPS_GROUP_resize.jpg)
รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
![เพิ่มเพื่อน](https://scdn.line-apps.com/n/line_add_friends/btn/th.png)