IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าสินค้าอุปโภค-บริโภค ในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ฯ มีเป้าหมายในการเร่งปรับตัวเพื่อรองรับกับการแข่งขันเศรษฐกิจยุค 4.0 ซึ่งผู้ประกอบการทุกส่วนต้องเร่งแข่งขันด้านทางต้นทุนการผลิตให้มีความรวดเร็วมากขึ้นเพื่อลดการสูญเสียในทุกกระบวน ให้สามารถผลิตสินค้าเพื่อรองรับกับการเติบโตของตลาดจากพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนในสายการผลิตต่างๆ ด้วยงบประมาณมากกว่า 600 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตเป็นรูปแบบหุ่นยนต์เกือบทั้งหมด
รวมถึงการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อลดต้นทุนการใช้พลังงานจากไฟฟ้า ขณะเดียวกันยังได้ลงทุนเทคโนโลยีในระบบลอจิสติกส์เพื่อทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพตอบสนองในทุกช่องทางเพื่อให้ส่งสินค้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วถึงและเร็วขึ้น
ซึ่งแนวทางธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับผู้บริโภคในแต่ละช่วงอายุที่มีความต้องการแตกต่างกัน โดยเน้นตลาดกลุ่มผู้สูงวัยเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพค่อนข้างสูง จากการสำรวจว่าในอนาคตอันใกล้นี้จำนวนผู้สูงอายุจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีผู้สูงอายุอยู่ประมาณ 13-14% ของจำนวนประชากรของ 70 ล้านคน คาดว่าภายในปี 2563 กลุ่มผู้สูงวัยจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด
สำหรับกลุ่มสินค้าที่บริษัทจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปี 2562 คือ กลุ่มสินค้าสำหรับผู้สูงวัยภายใต้แบรนด์ "กู๊ดเอจ"(GoodAge) โดยบริษัทได้พัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ดังกล่าวเข้ามาทำตลาดซึ่งหลังจากนำทยอยพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มคนสูงวัยเข้ามาทำตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี
ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุ ภายใต้แบรนด์ “กู๊ดเอจ” เป็นการนำความต้องการของผู้สูงวัยมาเป็นตัวตั้งในการพัฒนาสินค้า เนื่องจากคอร์แวลู ของสินค้าสำหรับคนแต่ละวัยจะไม่เหมือนกัน และต้องการการดูแลต่างกัน บริษัทฯจึงผลิตสินค้าสำหรับผู้สูงอายุขึ้นมาโดยเฉพาะอีกเซ็กเมนต์หนึ่ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุ เช่น แปรงสีฟัน ที่จะมีด้ามจับโตกว่าปกติ เพื่อให้จับกระชับขึ้น, ยาสีฟัน, แชมพู, โลชั่น บำรุงผิว ที่จะเป็นสูตรอ่อนโยน ฯลฯ สำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
“หลังทำตลาดมาระยะหนึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี ต่อไปจะมีไลน์สินค้าใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น และจะเริ่มกระจายสินค้าไปยังช่องทางค้าปลีกมากขึ้น จากที่ผ่านมาขายในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก และเชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่เห็นศักยภาพของตลาดนี้และส่งสินค้าออกมารองรับ”
นอกจากนี้ในปี 2562 มีแผนที่จะขยายไลน์สินค้าในกลุ่มโฮมแคร์ เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และพัฒนาสินค้าสำหรับผู้ป่วยติดเตียง เพื่อสร้างความหลากหลาย และขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่มจากปัจจุบันที่วางขายในร้านท็อปส์ แม็กซ์แวลูโรงพยาบาล ร้านยาโกลเด้นเพลส ร้านซูรูฮะ และกำลังเข้าไปขายในเทสโก้ โลตัส เพื่อเร่งการเติบโต และรองรับตลาดต่อไป
โดยแหล่งข่าวจากวงการคอนซูเมอร์โปรดักต์กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้สินค้ากลุ่มสกินแคร์สำหรับผู้สูงอายุมีความเคลื่อนไหวทางการตลาดค่อนข้างมาก หากสังเกตจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมามีทั้งโลชั่นบำรุงผิว แชมพูสระผม ครีมอาบน้ำมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ช่องทางออนไลน์ที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด จากนี้ไปตลาดจะมีความคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในแง่ของสินค้าและจำนวนผู้ประกอบการที่จะกระโดดเข้าสู่ตลาดนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความเป็นมา บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เดิมมีชื่อว่า บริษัทเดอะ ไลอ้อน แฟท แอนด์ ออย (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด และบริษัท เดอะ ไลอ้อน แฟทแอนด์ออย จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการผลิตผงซักฟอกและแชมพูในประเทศไทยทดแทนการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
ปีพ.ศ. 2509 ตั้งโรงงาน ยาสีฟันไลอ้อน จำกัด อยู่ที่ถนนทรงวาด ร่วมหุ้นระหว่างบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด กับ บริษัท ยาสีฟันไลอ้อน ญี่ปุ่น ในปีพ.ศ. 2510 ก่อตั้ง “บริษัท เดอะ ไลอ้อนแฟทแอนด์ออย (ประเทศไทย) จำกัด” เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด และ บริษัท เดอะ ไลอ้อนแฟทแอนด์ออย ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการผลิตผงซักฟอกท้อปและแชมพูผงไลอ้อน ทดแทนการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ตามเจตนารมณ์ของ ดร.เทียม โชควัฒนา ประธานบริษัทในสมัยนั้น เปิดดำเนินการในวันที่ 5 มีนาคม 2512
ปีพ.ศ. 2513 ขยายการผลิตน้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ ต่อมาได้พัฒนานวัตกรรมทางด้านสินค้าอุปโภคอื่นๆออกสู่ตลาดอย่างครบวงจร อาทิ ผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้น แชมพูขจัดรังแคคิวลีน น้ำยาขจัดคราบไฟท์ ผงซักฟอกสำหรับซักเครื่องเปาเอ็มวอช ผงซักฟอกผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นรายแรกในประเทศไทย ยี่ห้อเปาซอฟท์ และสินค้าอื่นๆ
ปีพ.ศ. 2522 กิจการได้พัฒนาเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง จึงขยายส่วนการผลิต โรงงานแห่งที่ 2 ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพิ่มศักยภาพกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้น
และปีพ.ศ.2523 ได้ควบ 2 บริษัทเข้าด้วยกัน คือ บริษัท ยาสีฟันไลอ้อน จำกัด และบริษัท เดอะ ไลอ้อนแฟทแอนด์ออย (ประเทศไทย) จำกัด เป็น “บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด” เริ่มผลิตสินค้าส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่น และในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในปีพ.ศ. 2525
กิจการได้พัฒนาเจริญรุ่งเรืองไปอย่างต่อเนื่อง จึงขยายส่วนการผลิตเข้าสู่โรงงานแห่งที่ 2 ณ สวนอุตสาหกรรมเครือ สหพัฒนฯ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตให้พอเพียงกับความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และได้ผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งคนไทยและต่างชาติเสมอมา