IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 นี้ปรับเพิ่มขึ้น 12% จากกิจการทั้งในและต่างประเทศ โดยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ พร้อมใส่ใจด้านอาชีวอนามัยในสถานประกอบการในระดับสูงสุด พร้อมการดูแลพนักงาน ด้วยการจัดหาสถานที่พัก ความเป็นอยู่และการเดินทาง การจัดหาวัคซีน การสร้างโรงพยาบาลสนาม รวมถึงสร้างความมั่นใจให้พนักงานด้วยนโยบายไม่เลิกจ้าง ซึ่งผลจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้กำลังซื้อจากทั่วโลกลดลง แต่ผลกระทบกระทบกับบริษัทฯมีไม่มากนัก
โดยกิจการในประเทศไทยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 8% และกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้น 14% เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและราคาสินค้าในหลายประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อนหน้า อาทิ ประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ รัสเซีย เป็นต้น บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการกำกับดูแลการดำเนินงานด้วยการยกระดับมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยในสถานประกอบการในระดับสูงสุด พร้อมไปกับการดูแลพนักงาน รวมถึง การจัดหาสถานที่พัก ดูแลความเป็นอยู่และการเดินทางเพื่อลดการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง การสร้างความมั่นใจให้พนักงานด้วยนโยบายไม่เลิกจ้าง การจัดหาวัคซีน การสร้างโรงพยาบาลสนาม เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศชาติท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโควิด-19
สำหรับการปรับกลยุทธ์ที่สำคัญบริษัทฯให้ความสำคัญเรื่องต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิต ด้วยการนำระบบงานดิจิตัล (Digitization) มาใช้ในการดำเนินงาน รวมทั้งเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและปรับช่องทางการจำหน่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการมากขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการครึ่งปีแรกนี้เป็นที่น่าพอใจ ทั้งจากกิจการในประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับที่น่าพอใจ
ซีพีเอฟได้มุ่งมั่นวิจัย พัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้บริโภค และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางด้านการตลาด การขาย
“รวมถึงประเภทสินค้าอาหารสุขภาพที่เน้นด้านโภชนาการที่ดี และช่องทางการจัดจำหน่ายให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงการรักษามาตรฐานการผลิตที่ดี เพื่อยกระดับมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการผลิตก่อนส่งมอบอาหารคุณภาพไปยังผู้บริโภค”
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน ด้วยความรับผิดชอบ พร้อมชูกลยุทธ์ “อาหารมั่นคง” หนึ่งในกลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยังยืนได้แก่ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ สนับสนุนการบริหารจัดการธุรกิจให้ดำเนินไปอย่างเต็มประสิทธิภาพและต่อเนื่อง รวมถึงใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อผลิตอาหารคุณภาพและปลอดภัยเพื่อรองรับความต้องการของประชากรโลกอย่างเพียงพอและยั่งยืนในทุกสถานการณ์ รวมถึงส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดตามวิสัยทัศน์ “ครัวของโลกอย่างยั่งยืน”
ในปี 2564 นี้ ซีพีเอฟได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good Emerging Index จากฟุซซี่ รัสเซล (FTSE Russell) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของโลก ที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมรอบด้านเพื่อสร้างคุณค่าร่วมในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการส่งเสริมการบริหารองค์กรตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ในส่วนการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือให้กับสังคมในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้น ซีพีเอฟได้ดำเนิน โครงการ "CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19" มาตลอดระยะเวลามากกว่า 1 ปี ที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤตโควิด-19 โดยมอบอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อบุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรส สำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศ มากกว่า 500 แห่ง ล่าสุด ได้ร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์และพันธมิตร ดำเนินโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” เพื่อมอบอาหารสำเร็จรูปของบริษัทและอาหารจากผู้ประกอบการรายย่อย รวม 2 ล้านแพ็ค แจกจ่ายแบ่งปันให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ บรรเทาความเดือดร้อนในสถานการณ์นี้ และซีพีเอฟจะยังคงมุ่งมั่นช่วยเหลือประชาชนและสังคม เคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน
ล่าสุดซีพีเอฟ ได้รับการรับรองมาตรฐาน IPHA ถึง 61 โรงงาน แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการป้องกันโควิด19 อย่างเข้มงวด จากการจัดตั้งทีมบริหารจัดการโรคระบาดทั้งในคนและสัตว์ ภายใต้ศูนย์อำนวยการป้องกันการแพร่เชื้อของบริษัท เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในด้านอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และตอกย้ำความมั่นคงทางอาหารของประเทศอีกด้วย ซึ่งมาตรฐาน IPHA เป็นมาตรฐานที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันวางกรอบการพิจารณา เพื่อมอบให้แก่สถานประกอบการที่มีการบริหารจัดการสถานที่ กระบวนการผลิต และบุคลากรตามมาตรการร่วม และมาตรการด้านสุขอนามัย ที่มีการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการจัดการเพื่อป้องกันโควิด-19
นอกจากนี้ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ประกาศยกระดับความปลอดภัยของพนักงานขั้นสูงุด พร้อมทั้งปรับแผนการดำเนินธุรกิจร่วมกับคู่ค้า โดยจัดทำโครงการ Faster payment ลดระยะเวลาเครดิตเทอมเหลือ 30 วันให้แก่คู่ค้ากว่า 6,000 รายเพื่อสร้างสภาพคล่องและรักษางานของลูกจ้างในกลุ่มคู่ค้า ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันอีกด้วย
สำหรับแผนการลงทุนต่อจากนี้ ซีพีเอฟ ได้วางกลยุทธ์สู่เป้าหมายความยั่งยืนปี 2573 โดยจะเน้นสร้างนวัตกรรมอาหาร การพัฒนาบุคลากรให้สามารถพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต รวมถึงการผลิตที่มุ่งสู่เป้าหมาย Net – zero เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและขยะอาหารมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน แก้ใขปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานบรรเทาปัญหาโลกร้อน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงทั้งในระดับกลุ่มอุตสาหกรรมประเทศและโลก พร้อมทั้งแบ่งปันคุณค่าร่วมให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์การที่สร้างความมั่นคงทางอาหารของโลกอย่างยั่งยืนต่อไป