IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
แม้จะเป็นหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ แต่เก๋าในวงการ เพราะมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากว่า 30 ปี ผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตรียมเข้ามาสร้างสีสันและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 นี้แล้วจ้า ....
1. จุดเริ่มต้น STI ผู้นำธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาอย่างครบวงจร
บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง และให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม, งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน
ย้อนกลับไปในปี 2535 กลุ่ม STI ถือกำเนิดโดยบริษัท สโตนเฮนจ์ จำกัด หรือ STH ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้ง งานออกแบบ และงานอนุรักษ์โบราณสถาน จากนั้น ได้เข้ามารุกธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยจัดตั้ง บริษัท สโตนเฮนจ์ อินเตอร์ หรือ STI ขึ้นมา ในวันที่ 13 ตุลาคม 2547 โดยผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร เป็นวิศวกรระดับแถวหน้าของประเทศไทย มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในวงการวิศวกรรม ขับเคลื่อนผลงานที่มีชื่อเสียงมาแล้วมากมาย
ด้วยวิสัยทัศน์อันก้าวไกล หวังปลุกปั้นกลุ่ม STI ให้เป็นสถาบัน ก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ปรึกษา และผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่ดีที่สุด (BEST) ในประเทศ จึงได้จัดโครงสร้างกลุ่มบริษัท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ในปี 2559 STI ได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท STH 100% จากนั้น บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด หรือ UV ได้เข้ามาลงทุนในหุ้นสามัญของ STI จำนวน 70 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 35% สะท้อนความเชื่อมั่นของลูกค้า และตอกย้ำศักยภาพในการเติบโตของกลุ่ม STI ยิ่งขึ้น ... ในปี 2561 STI ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และเตรียมตัวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
2. โครงสร้างการถือหุ้นหลัง IPO
ก่อน IPO | หลัง IPO | |
บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด | 35% | 26.12% |
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ | 20% | 14.93% |
รวมผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นผู้บริหารระดับสูงของ STI | 45% | 33.58% |
หุ้นที่เสนอขายประชาชน | - | 25.37% |
3. ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี
ผลประกอบการของกลุ่ม STI ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี
รายได้รวม/ลบ. | กำไรสุทธิ/ลบ. | อัตรากำไรขั้นต้น (%) | อัตรากำไรสุทธิ (%) | |
ปี 2558 | 465.78 | 54.61 | 37.07% | 11.72% |
ปี 2559 | 475.67 | 55.92 | 34.84% | 11.74% |
ปี 2560 | 498.34 | 57.51 | 32.64% | 11.53% |
9M2561 | 444.55 | 30.48 | 26.56% | 6.86% |
*** โดยปกติไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่มีการทยอยรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงาน และมั่นใจปี 2561 นี้ เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ไม่ทำให้ผิดหวัง
4. ตุน Backlog แล้วกว่า 770.09 ล้านบาท สะท้อนการรับรู้รายได้ที่แข็งแกร่ง
กลุ่ม STI ได้พิสูจน์แล้วว่า คือ ตัวจริงเสียงจริงในวงการนี้ ณ งวด 9 เดือนแรกของปี 2561 มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 770.09 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 114 โครงการ สะท้อนความสามารถในการทยอยรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ และมั่นคงในระยะยาว
หนึ่งในงานในมือดังกล่าว คือ โครงการ One Bangkok โครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ด้วยมูลค่าโครงการสูงถึง 120,000 ล้านบาท รวมถึง งานโครงการ The PARQ มูลค่าโครงการ 20,000 ล้านบาท , CIERA ศรีปทุม รวมถึงการเข้าประมูลงานโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมอีก
5. จุดเด่น และโอกาสในการเติบโต
- ทีมผู้บริหารมีชื่อเสียง มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 30 ปี
- ปัจจุบัน กลุ่ม STI มีพนักงานมากกว่า 600 คน และบุคลากรกว่า 70% อยู่มาเกิน 10 ปี รองรับการขยายงานอย่างต่อเนื่อง
- งานบริการครอบคลุมทั้งด้านบริหารและควบคุมการก่อสร้าง และงานออกแบบ มีประสบการณ์ในงานด้านอนุรักษ์โบราณสถานอย่างโดดเด่น ซึ่งมีคู่แข่งน้อยราย
- ลูกค้าของกลุ่ม STI กว่า 80 % เป็นลูกค้า Top 10 ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และไว้วางใจใช้บริการกลุ่ม STI มาอย่างต่อเนื่อง
- จากการมีฐานลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ คอนโดมิเนียม มิกซ์ยูส อาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย อาคารอเนกประสงค์ ทำให้ลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้ากลุ่มใดเป็นพิเศษ
- ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว สนับสนุนให้กลุ่ม STI มีโอกาสได้รับงานเพิ่มขึ้น
6. แผนระดมทุน กำหนดราคาไอพีโอไว้ที่ 6.30 บ./หุ้น
STI เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 68,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25.37% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้ STI มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเท่ากับ 134,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 268,000,000 หุ้น
กำหนดราคาเสนอขาย IPO ไว้ที่ 6.30 บาทต่อหุ้น กำหนดเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 6 – 7 และ 11 ธันวาคม 2561 นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ในหมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “STI”
ที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด
ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บล. เคทีบี (ประเทศไทย)
ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บล. เอเซีย พลัส, บล. เคที ซีมิโก้ และ บล.กรุงศรี
7. เงินที่ได้จากการระดมทุน
เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้รวมกว่า 400 ล้านบาท จะนำไปใช้ลงทุนจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมทักษะความรู้พนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจประมาณ 40 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์ระบบคอมพิวเตอร์ โปรแกรมด้านการออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง และการเงิน-การบัญชี ประมาณ 30 ล้านบาท ลงทุนงานระบบและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
8. เป้าหมาย ตั้งกลุ่ม STI ให้เป็นสถาบัน ยกระดับวิศวกรเทียบมาตรฐานสากล
เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่เพียงแค่เติบโตจากการยึดติดตัวบุคคล ทีมบริหารจึงมุ่งหวังที่จะสร้างกลุ่ม STI ให้เป็นสถาบันยกระดับวิศวกร และสถาปนิกสู่มาตรฐานสากล เพื่อรับประกันถึงผลสำเร็จของโครงการตามแผนงานของผู้ว่าจ้าง พร้อมด้วยการกำกับดูแลกิจการที่ดี
เป้าหมายในอนาคตของกลุ่ม STI อาจจะมีการขยายกิจการ ด้วยการเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ ในระยะเวลาประมาณ 2 – 3 ปีข้างหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายฐานลูกค้า เพิ่มจำนวนบุคลากร เพื่อการขยายตัวของผลการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในอนาคต