IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
แหล่งข่าว จาก บริษัท ยูนิไวส์ ออฟชอร์ จำกัด ผู้ให้บริการเรือขนส่งทางน้ำ ในกลุ่มบริษัทยูนิไทยฯ เปิดเผยว่า ได้สำหรับการพัฒนาเรือขนส่งและต่อเรือใหม่เพิ่มที่จังหวัดสงขลา เพื่อรองรับฐานตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงเป็นการเตรียมความพร้อมของการดำเนินงานทุกภาคส่วนในกลุ่มบริษัทยูนิไทยฯ ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และการต่อเรือในภูมิภาคเอเชีย โดยได้ปรับปรุงเรือเดิมทั้งหมด 44 ลำ โดยเรือบางส่วนพัฒนาและปรับปรุงที่ท่าเรือจังหวัดสงขลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดีขึ้นและเรือบางลำได้ส่งต่อเพิ่มที่สิงคโปร์ โดยมีบริษัทยูนิไวส์สิงคโปร์ร่วมดำเนินการ โดยฐานการบริการของบริษัทที่จังหวัดสงขลาบ้านกลาง เป็นอู่เรือทางเทคนิคที่สำคัญของบริษัท
ซึ่งการลงทุนปรับปรุงครั้งนี้เพื่อเพิ่มความเป็นเลิศด้านการบริการ และเพื่อเป็นการบำรุงรักษาเครื่องยนต์เรือและคลังสินค้าขนาดใหญ่สำหรับเก็บอะไหล่ที่สำคัญ
บริษัท ยูนิไวส์ ออฟชอร์ จำกัด หนึ่งในบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจ เรือสนับสนุนการขุดเจาะนอกชายฝั่ง (OSV) ขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียมี เรือในสังกัด มากกว่า 30 ลำ ของ Fleet Uniwise โดยปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ใช้บริการ Nava(TM) บรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียมทางทะเลจากไทยคม ติดตั้งบนเรือปฏิบัติงานนอกชายฝั่งกว่า 30 ลำ เพิ่มประสิทธิภาพบริการทางทะเลให้แข็งแกร่ง และยกระดับการปฏิบัติงานในท้องทะเล อาทิ การลดช่องว่างในการติดต่อสื่อสารระหว่างชายฝั่งกับลูกเรือและผู้โดยสาร การจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และด้วยเทคโนโลยี Fiber-To-The-Ship (FTTS (TM) ของบริการ Nava(TM) จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และช่วยให้ลูกเรือสามารถเชื่อมต่อกับครอบครัวได้อย่างง่ายดาย
บริษัท ยูนิไวส์ ออฟชอร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดยเป็นการร่วมทุนของกลุ่ม บริษัท ยูนิไทยฯ และ บริษัท Miclyn Express Offshore (MEO) ประเทศ ออสเตรเลีย ผู้ให้บริการชั้นนำด้านขนส่งทางน้ำ โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานการดำเนินงานที่ประเทศสิงคโปร์ รวมถึงให้บริการในต่างประเทศที่ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นชั้นนำของประเทศไทยที่เป็นเรือสนับสนุนการดำเนินการด้านโลจิสติกส์ทั้งภายในและต่างประเทศ โดยมีเรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย เพื่อสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันในราชอาณาจักรและกิจกรรมก๊าซกับการขนส่ง รวมถึงการให้บริการเพื่อรองรับอุตสาหกรรมด้านการขุดเจาะแท่นขุดเจาะสมอ และสนับสนุนการจัดการและเรือขนส่งอื่นๆ
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจนับต่อจากนี้ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ถือว่ามีบทบาทสำคัญมาก ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญการบริหารจัดการด้านบริการ รวมถึงให้ความสำคัญด้านบุคลากร โดยยึดสโลแกนของบริษัทคือ การดำเนินงานที่เป็นเลิศ และมีความเชื่อที่ว่าอุบัติเหตุสามารถป้องกันได้ โดยได้มุ่งมั่นปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเน้นการใส่ใจในสุขภาพความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมให้มีคุณภาพ รวมถึงปรับปรุงเรือขนส่งโดยเน้นประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงให้น้อยที่สุด เพื่อความเป็นเลิศในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนฐานตลาดที่เพิ่มมากขึ้นในอ่าวไทย, กัมพูชา, มาเลเซีย และไทย รวมถึงพื้นที่พัฒนาร่วม (MTJDA) และพม่า โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการลงทุนในฐานสนับสนุนในฝั่งสัตหีบและสงขลา นอกเหนือไปจากสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ
โดยที่ผ่านมากลุ่มบริษัทยูนิไทย ได้ร่วมร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำของสหภาพพม่า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกับต่างชาติ โดยจัดตั้งบริษัท ยูนิไทย ชินคอร์ป โลจิสติกส์ (สหภาพเมียนมาร์) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านชิปปิ้ง และลอจิสติกส์ ภายใต้ชื่อ “ยูนิชิน” อำนวยความสะดวกแก่สายการเดินเรือ ผู้ประกอบการนำเข้า และส่งออกสินค้าระหว่างประเทศของสหภาพพม่ากับนานาประเทศ เพื่อ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และการขยายเครือข่ายทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาด้านการขนส่งสินค้าทางเรือ และลอจิสติกส์อย่างครบวงจร รองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของสหภาพพม่า เชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งของยูนิไทย
อนึ่งการลงนามความร่วมมือทางธุรกิจดังกล่าวยังถือเป็นการขยายธุรกิจด้านการขนส่งทางเรือ และลอจิสติกส์ สู่กลุ่มประเทศอินโดจีน นับตั้งแต่ยูนิไทยได้เข้าร่วมทุนกับผู้นำทางธุรกิจของเวียดนาม และบริษัท มารูเซน โชวะ ประเทศญี่ปุ่น ในการเปิดธุรกิจลอจิสติกส์ ณ เมืองโฮจิมินห์ ซิตี ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้การร่วมทุนกับพันธมิตรชั้นนำจากนานาประเทศก็เพื่อดำเนินธุรกิจที่หลากหลายในสหภาพพม่า เช่น ธุรกิจการเกษตร เคมีภัณฑ์ทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค เช่น กาแฟ อาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงพลังงาน เหมืองแร่ และอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย