Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

Sasol เผยผลประกอบการที่ดีในระยะเวลาหกเดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563

Sasol มีผลประกอบการที่ดีในระยะเวลา เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 100% แตะที่ 1.53 หมื่นล้านแรนด์ จากระดับ 4.5 พันล้านแรนด์ในช่วง เดือนก่อนหน้า

ถึงแม้ราคาน้ำมันในรูปสกุลเงินแรนด์ต่อบาร์เรลจะปรับตัวลง 23% แต่ EBITDA (กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ลดลงเพียง 6% ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากต้นทุนทางการเงิน เงินทุนหมุนเวียน และรายจ่ายในการลงทุนที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทาย

กำไรของเราดีขึ้นเพราะรายการปรับค่าที่ไม่ใช่เงินสด ดังนี้ 

  • กำไรจากการแปลงสินทรัพย์ทางการเงินและหนี้สินที่เป็นตัวเงินจำนวน 4.6 พันล้านแรนด์ เนื่องจากการแข็งค่าขึ้น 15% ของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินแรนด์กับดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2563
  • กำไรจากมูลค่าของตราสารทางการเงินและสัญญาอนุพันธ์จำนวน 5.0 พันล้านแรนด์
  • กำไร 3.3 พันล้านแรนด์จากการแปลงทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (FCTR) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการถอนการลงทุน 50% ในธุรกิจ LCCP Base Chemicals ในสหรัฐอเมริกา

ตัวเลขสำคัญ

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2563

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2562

เปลี่ยนแปลง %

EBIT (ล้านแรนด์)

21,650

9,853

>100

Adjusted EBITDA[1] (ล้านแรนด์)

18,608

19,839

(6)

Headline earnings (ล้านแรนด์)

11,858

3,670

>100

Basic earnings per share (แรนด์)

23.41

6.56

>100

Headline earnings per share (แรนด์)

19.16

5.94

>100

Core headline earnings per share[2] (แรนด์)

7.86

9.25

(15)

เงินปันผลต่อหุ้น (แรนด์)

     

-  ระหว่างกาล (แรนด์)

-

-

-

-  สุดท้าย (แรนด์)

-

-

-

 

[1] Adjusted EBITDA คำนวณจากการปรับค่า EBIT สำหรับค่าเสื่อมราคาและการตัดจำหน่ายการชำระเงินโดยใช้หุ้นรายการที่วัดใหม่ความเคลื่อนไหวในข้อกำหนดทางสภาพแวดล้อมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงอัตราคิดลดกำไรและขาดทุนที่เกิดจากการแปลงที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดในตราสารอนุพันธ์และกิจกรรมป้องกันความเสี่ยง 

ช่วงเวลาเปรียบเทียบได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อรวมผลกำไรและขาดทุนจากการแปลงที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด และกำไรและขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดบนตราสารอนุพันธ์และกิจกรรมป้องกันความเสี่ยง เราเชื่อว่า Adjusted EBITDA เป็นมาตรวัดที่มีประโยชน์ในการประเมินกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัท อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เงื่อนไขที่กำหนดไว้ภายใต้ IFRS และอาจเทียบไม่ได้กับเกณฑ์วัดที่คล้ายคลึงกันที่รายงานโดยบริษัทอื่น ๆ (Adjusted EBITDA ประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินในรูปแบบของข้อกำหนด JSE Limited Listings Requirements และควรอ่านควบคู่ไปกับข้อมูลพื้นฐานของการจัดเตรียมและข้อมูลทางการเงินตามรูปแบบที่ระบุไว้ในชุดข้อมูลผลประกอบการเฉพาะกาลฉบับสมบูรณ์) 

[2] กำไรทั่วไปต่อหุ้นที่ได้จากธุรกิจหลัก (Core HEPS) คำนวณจากกำไรทั่วไปต่อหุ้นด้วยรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น ผลจากการแปลงอัตราแลกเปลี่ยนผลกำไรและขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์และการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริงและที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดการดำเนินธุรกรรม Khanyisa B-BBEE และการขาดทุนที่เกิดจาก LCCP ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงเพิ่มขึ้น 

ช่วงเวลาเปรียบเทียบได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อรวมผลกำไรและขาดทุนจากการแปลงที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด และกำไรและขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดบนตราสารอนุพันธ์และกิจกรรมป้องกันความเสี่ยง

(Core HEPS ประกอบด้วยข้อมูลทางการเงินในรูปแบบของข้อกำหนด JSE Limited Listings Requirements และควรอ่านควบคู่ไปกับข้อมูลพื้นฐานของการจัดเตรียมและข้อมูลทางการเงินตามรูปแบบที่ระบุไว้ในชุดข้อมูลผลประกอบการเฉพาะกาลฉบับสมบูรณ์) 

 

 

ข้อมูลตัวเลขสำคัญของเรามีดังต่อไปนี้

  • สัดส่วนเงินทุนหมุนเวียน 14.9% เทียบกับ 14.6% ในช่วงเวลาก่อนหน้า การลงทุนในส่วนเงินทุนหมุนเวียนอยู่ที่ 2.73 หมื่นล้านแรนด์
  • รายจ่ายในการลงทุนอยู่ที่ 7.5 พันล้านแรนด์
  • เงินสดปกติคงที่ลดลง 10% (3.2 พันล้านแรนด์) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า
  • กำไรก่อนหักรายจ่ายดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) อยู่ที่ 2.17 หมื่นล้านแรนด์ เทียบกับ 9.9 พันล้านแรนด์ในช่วงเวลาก่อนหน้า
  • Adjusted EBITDA ลดลง 6% จาก 1.98 หมื่นล้านแรนด์ในช่วงเวลาก่อนหน้า สู่ระดับ 1.86 หมื่นล้านแรนด์
  • กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เพิ่มเป็น 23.41 แรนด์ต่อหุ้น จากระดับ 6.56 แรนด์ต่อหุ้นในช่วงเวลาก่อนหน้า และ
  • Headline earnings per share (HEPS) เพิ่มขึ้นกว่า 100% เป็น 19.16 แรนด์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า

 

ผลประกอบการ (ล้านแรนด์)

 

EBIT (ล้านแรนด์)

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2562

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2563

 

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2563

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2562

10,348

10,807

Mining

1,732

1,374

2,635

1,988

Exploration and Production International

897

1,023

41,206

30,178

Energy

5,098

6,743

24,642

27,409

Base Chemicals

3,624

(1,488)

32,933

33,750

Performance Chemicals

1,754

1,294

 -€"

6

Group Functions

8,545

907

111,764

104,138


   Group performance

21,650

9,853

(12,594)

(12,170)

Intersegmental turnover

   

99,170

91,968

External turnover

   

 

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ

ครึ่งปี

31 ธันวาคม 2563

ทั้งปี

30 มิถุนายน 2563

เปลี่ยนแปลง %

Total assets (ล้านแรนด์)

397,516

479,162

(17)

Total liabilities (ล้านแรนด์)

236,473

319,914

26

Total equity  (ล้านแรนด์)

161,043

159,248

1

การให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นใหม่

มีการตัดสินใจว่าจะไม่มีการให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นใหม่ โดยพิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน และความคืบหน้าสำคัญของแผนการตอบสนองของเรา

การลดงบดุลจะยังเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะสามารถดำเนินงานภายใต้ข้อผูกพันทางการเงินของเรา และรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอในขณะที่เราเดินหน้าโครงการปฏิรูป Sasol 2.0

การบริหารจัดการงบดุล

เงินสดที่มาจากการดำเนินงานลดลง 40% เหลือ 1.17 หมื่นล้านแรนด์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า ส่วนเงินสดสุทธิในมือลดลงจาก 3.41 หมื่นล้านแรนด์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เหลือ 2.76 หมื่นล้านแรนด์

แม้กระแสเงินสดของเราจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ ราคาเคมีที่ปรับตัวลง การหยุดทำงานของโรงงาน และผลกระทบของโควิด-19 แต่การสำรองเงินสดและโครงการขายสินทรัพย์จะช่วยให้เราสามารถชำระหนี้ราว 2.8 หมื่นล้านแรนด์ (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้ นอกจากนี้ เราได้ชำระคืนเงินกู้ธนาคารไปแล้วราว พันล้านแรนด์

รายจ่ายในการลงทุนจริงอยู่ที่ระดับ 7.5 พันล้านแรนด์ จากระดับ 2.14 หมื่นล้านแรนด์ในช่วง เดือนแรกของปี 2563 ขณะที่กระแสเงินสดอิสระในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 400 ล้านแรนด์ จากปัจจัยราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำเฉลี่ย 43.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เพื่อทำให้งบดุลของ Sasol มีความยืดหยุ่นในช่วงเวลาที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนแตะระดับสูงสุด บรรดาผู้ปล่อยกู้ให้กับเราต่างตกลงที่จะเพิ่มอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA จาก เท่าเป็น เท่า (ตามคำจำกัดความของธนาคาร) วัดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องมากขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่สอดคล้องกับกรอบการจัดสรรเงินทุน (เช่น การให้ความสำคัญกับการลดหนี้ผ่านข้อผูกพันในการระงับการจ่ายเงินปันผลและการเข้าซื้อกิจการในขณะที่เลเวอเรจเราอยู่เหนือระดับหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA สามเท่า) เรารู้สึกซาบซึ้งกับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้ปล่อยกู้ให้กับเราในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้

หนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ของเรา ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ 2.6 เท่า (ตามคำจำกัดความของธนาคาร) ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญ

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 หนี้สินรวมของเราอยู่ที่ 1.263 แสนล้านแรนด์ จากระดับ 1.897 แสนล้านแรนด์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ในช่วงเวลาดังกล่าว เรานำรายได้จากการขายสินทรัพย์มาใช้ชำระคืนเงินกู้ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนส่วนหนึ่ง ซึ่งช่วยลดภาระหนี้สินในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐลงเกือบ 2.8 หมื่นล้านแรนด์ (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เหลือ 1.21 แสนล้านแรนด์ (8.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

จากแผนตอบสนองที่ครอบคลุมและการขายสินทรัพย์ตามที่วางแผนไว้ เราเชื่อว่าจะลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ให้เหลือไม่ถึง เท่า และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 30% ภายในปี 2566

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของเราลดลงจาก 114.5% ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เหลือ 76% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยเหตุผลหลักเป็นเพราะการชำระคืนเงินกู้ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (20%) และการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเงินแรนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (7%)

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 สภาพคล่องของเราสูงเกิน 5.3 หมื่นล้านแรนด์ (3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสภาพคล่อง พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่เรากำหนดไว้ ด้วยเงินทุนในรูปสกุลเงินแรนด์และดอลลาร์สหรัฐที่เพิ่มขึ้นในขณะที่เราให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ นอกจากนี้ เรายังคงพิจารณาการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ระดมทุนจากแหล่งเงินทุนที่หลากหลายและมีระยะเวลาชำระหนี้ที่สมดุล

เราไม่มีกำหนดชำระหนี้ก้อนใหญ่ก่อนเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นเวลาที่เงินกู้จำนวน 2.2 พันล้านแรนด์ (150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะถึงกำหนดชำระ ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขการผ่อนผันกับเจ้าหนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 นั้น เรายังคงต้องใช้เงินตามแผนเพื่อชำระหนี้ เป็นผลให้เงินจำนวน 1.43 หมื่นล้านแรนด์ (975 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ถูกจัดอยู่ในประเภทหนี้สินระยะสั้น

เรายังคงบริหารจัดการบัญชีงบดุลอย่างกระตือรือร้นด้วยเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องที่ดีและบริหารกรอบเวลาชำระหนี้ตามกำหนดอย่างสมดุล

เงินปันผล 

ด้วยภาระทางการเงินในปัจจุบันและความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อยาวนาน บอร์ดบริหารเชื่อว่าบริษัทควรระงับการจ่ายเงินปันผล เราคาดว่าบัญชีงบดุลจะกลับมายืดหยุ่นอีกครั้งจากการใช้กลยุทธ์การตอบสนองที่ครอบคลุม

ความคืบหน้าของข้อตกลง Mozambique Production Sharing Agreement (PSA) 

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 บอร์ดบริหารอนุมัติการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ใน Mozambique PSA โดยโครงการดังกล่าวมีต้นทุนทั้งหมดราว 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โครงการนี้จะสร้างรายได้จากก๊าซในประเทศโมซัมบิกผ่านโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซขนาด 450 เมกะวัตต์ และโรงงานก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในกรอบเวลาเดียวกัน โดยก๊าซที่ผลิตได้จะส่งออกไปยังแอฟริกาใต้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอย่างยั่งยืนของเรา

ความคืบหน้าของ PSA ตอกย้ำยุทธศาสตร์การปฏิรูปด้านก๊าซของ Sasol ด้วยการดึงก๊าซเพิ่มเติมจากพื้นที่ทางใต้ของโมซัมบิกเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าด้านก๊าซของ Sasol นับตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นเสาหลักในการจัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืนของ Sasol

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Saturday, 13 March 2021 07:02
พาณิชย์ ชินนาค

Author : เกาะติดข่าววงการก่อสร้าง แวดวงอุตสาหกรรมหนัก เคมีภัณฑ์และพลาสติก การกลั่นน้ำมัน โรงเหล็ก การทำเหมือง การสร้างเขื่อน สนามบิน ทางรถไฟ ถนน อ่างเก็บน้ำ ระบบชลประทาน ฯลฯ

Latest from พาณิชย์ ชินนาค

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

“คุณภาพของงาน การบริการที่ดี ตอบสนองทันใจ” คือหัวใจความสำเร็จของบริษัท พรีเมี่ยม ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

เลือกผู้รับเหมาอย่างไรให้ได้งานสำเร็จ

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

AWC เผย Q3 ลงทุน 1 หมื่นล้าน กำไรพุ่ง 1.13 พันล้าน เชื่อมั่นพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมสร้างไทยให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM