'บมจ.สแกน อินเตอร์' หรือ SCN โชว์ฟอร์มเด่น ทำรายได้รวมงวด 9 เดือนแรกปีนี้เติบโต 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในไตรมาส 3/61 ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ชี้ธุรกิจ iCNG สุดฮอต ทำยอดขายพุ่ง 86%
จากการรุกขยายฐานลูกค้าและราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ดันปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3/61 ทำได้ 30 ล้านบาท น้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน รับต้นทุนการเงินและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการส่งมอบรถเมล์ NGV 489 คัน เป็นเวลากว่า 6 เดือน
และการขยายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 220 MW ประเทศเมียนมาร์ ที่จะช่วยสร้างรายได้ประจำที่มั่นคงในระยะยาว ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายรับข่าวดีจากการปลดล็อคโครงการรถเมล์ NGV 489 คัน คาดรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถเมล์ที่เหลือกว่า 1,200 ล้านบาท รวมทั้งธุรกิจ iCNG ที่เป็นหัวหอกผลักดันการเติบโตทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมาย มั่นใจรายได้ปี 61 ทะลุ New High
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา
รายได้รวมทั้งสิ้น 2,037 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SCN ที่มุ่งเสริมสร้างจุดแข็งให้กับกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ
โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม หรือ iCNG ซึ่งในไตรมาส 3 นี้ ทำยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 31% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่งผลดีต่อรายได้รวมในไตรมาส 3 นี้ ทำได้ 651 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ความสำเร็จของธุรกิจ iCNG มาจากกลยุทธ์การดำเนินงานที่มุ่งรุกขยายฐานลูกค้าภาคอุตสาหกรรมรายใหม่ๆ รวมถึงการร่วมมือกับบริษัท โอซาก้า แก๊ส (ประเทศไทย) ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มลูกค้าพิเศษ ให้หันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคการผลิต ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดและราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น รวมถึงได้รับผลดีจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ทำให้ลูกค้าตระหนักถึงความคุ้มค่าของการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เป็นผลให้ปริมาณการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 40%
ขณะที่กำไรสุทธิ ทำได้ 133 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมถึงต้นทุนทางการเงิน ค่าดอกเบี้ยจากการกู้เงินเพื่อเข้าลงทุนในโครงการรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และค่าที่ปรึษาทางกฎหมายจากกรณีโครงการรถเมล์ที่ชะลอการส่งมอบในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกฟ้อง ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการส่งมอบรถเมล์ให้แก่ ขสมก. และส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายในส่วนของที่ปรึกษาและต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่นเดียวกับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาด 220 MW ที่บริษัทฯ ถือหุ้น 30% และเตรียมเข้าถืออีก 10% รวมทั้งสิ้น 40% โดยในปี 62 โครงการดังกล่าวจะเริ่มทยอย COD แต่ละเฟสในไตรมาสที่ 1 ของแต่ละปี รวม 4 ปี และสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอตลอดอายุสัญญา 30 ปี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN กล่าววว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้ดีเช่นเดิม โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจ iCNG รวมทั้งการรับรู้รายได้จากโครงการรถเมล์ NGV งวดแรก 100 คัน และที่คาดว่าจะส่งมอบอีก 200 คัน ภายในเดือนธันวาคมนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท คาดการณ์ว่ารายได้ปี 62 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุน ได้แก่ 1) การรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถเมล์ NGV ส่วนที่เหลืออีก 187 คัน มูลค่ากว่า 720 ล้านบาท และ 2) การเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เฟสแรกของโครงการโรงไฟฟ้ามินบูจำนวน 50 MW จะส่งผลในเชิงบวกกับกำไรสุทธิของบริษัทอีกด้วย