IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
•TTA รายงาน EBITDAไตรมาสที่ 2/2561 อยู่ที่ 399.9 ล้านบาท
•กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือมีกำไรสุทธิสูงสุดในรอบ 8 ปี ( 33 ไตรมาส ) ที่ 270.2 ล้านบาท
•ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าร่วมปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 123 จากไตรมาสที่ผ่านมา
เป็น 135.3 ล้าน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากจากอัตราค่าเช่าเรือเปล่าของธุรกิจขุดเจาะที่ปรับตัวสูงขึ้น
•TTA มีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E) ระดับต่ำที่ 0.12 เท่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2561
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เผยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 2/2561 (1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2561) ด้วยผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 399.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 94 จากไตรมาสที่ผ่านมา และ กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA อยู่ที่ 94.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1,050 จากไตรมาสก่อน
รายได้รวมในไตรมาสที่ 2/2561 อยู่ที่ 3,394.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากไตรมาสที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และกลุ่มการลงทุนคิดเป็นร้อยละ 42 ร้อยละ 20ร้อยละ 21 และร้อยละ 17 ของรายได้รวมทั้งหมดตามลำดับ ในขณะที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 755.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ร้อยละ 23
จากไตรมาสที่ผ่านมา
TTA ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของฐานะการเงินมั่นคง ด้วยเงินสดภายใต้การบริหาร อยู่ในระดับสูงถึง 7.4 พันล้านบาทและ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E) ระดับต่ำที่ 0.12 เท่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า “ธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง TTA คาดว่าจะมีสัญญาณที่ดีไปตลอดช่วงปี 2561 เนื่องจากดัชนีบอลติค (BDI) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นปี 2560 ที่ 953 จุดมาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1,260 จุด ในไตรมาสที่ 2/2561 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเติบโตของกองเรือทั่วโลกที่จำกัดและปริมาณการค้าสินค้าแห้งเทกองของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความต้องการสินแร่เหล็ก และสินค้าเทกองประเภทอื่นๆ (Minor Bulk)
TTA ได้ซื้อเรือมือสองเพิ่มจำนวน 2 ลำในช่วงครึ่งปีแรก เพราะเป็นรอบวัฏจักรขาขึ้นของธุรกิจ เห็นได้จากความต้องการสินค้าแห้งเทกองที่เพิ่มขึ้น และอัตราการเติบโตของกองเรืออยู่ในระดับต่ำ
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยที่ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2560 เป็นค่าเฉลี่ยที่ 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 2/2561 อย่างไรก็ตามแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงผันผวน จากการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าเมอร์เมด มาริไทม์ ซึ่งดำเนินธุรกิจบริการนอกชายฝั่งจะมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2561 ประมาณ 165 ล้านเหรียญก็ตาม แต่จำเป็นต้องหามาตรการเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กลับมามีกำไรมากขึ้นในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เกษตรกรในประเทศเวียดนามได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ดังนั้นในช่วงนี้เกษตรกรจึงให้ความสำคัญกับการลดค่าใช้จ่ายมากกว่าการเพิ่มผลผลิตเป็นการชั่วคราว ทำให้มีความต้องการใช้ปุ๋ยเชิงเดี่ยว(single fertilizer)เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ เพื่อการเกษตรในประเทศเวียดนามรายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และยังสามารถรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจปุ๋ยและพื้นที่โรงงานให้เช่าได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ กลุ่มการลงทุนอื่น TTA ได้จัดตั้ง บริษัท สยามทาโก้ จำกัด (STC) เป็น บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นร้อยละ 70 เพื่อลงทุน ในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารทาโก เบลล์ (Taco Bell) ในประเทศไทย นอกจากนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2561 TTA ยังได้เข้าลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (AIM) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบก่อสร้างและให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการน้ำในภูมิภาคเอเชียที่มีประสบการณ์สูง เพื่อเพิ่มจุดแข็งในธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำในประเทศไทย ทั้งนี้ TTA คาดว่ารายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักจะเติบโตขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปี 2561”
ผลการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ: กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง มีรายได้ 1,410.5 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2561 หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากไตรมาสที่ผ่านมา และร้อยละ 49 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าระวางเรือและอัตราความต้องการด้านการขนส่งทางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมี EBITDA เติบโตขึ้นร้อยละ 82 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็น 412.4 ล้านบาท ดังนั้น กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือสร้างสถิติใหม่ โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA อยู่ที่ 270.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 184 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาสที่ 2/2561 อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของกลุ่มขนส่งทางเรืออยู่ที่ 11,993 เหรียญสหรัฐต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17
จากไตรมาสที่ผ่านมาและร้อยละ 40 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าอัตราตลาดของค่าระวางเรือเฉลี่ยสุทธิ
ของเรือซุปปราแมกซ์ (Net Mkt TC Avg BSI) ที่ 10,480 เหรียญสหรัฐต่อวัน อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยประกอบไปด้วย
อัตราค่าระวางเรือสำหรับเรือที่กลุ่มธุรกิจเป็นเจ้าของที่ 11,692 เหรียญสหรัฐต่อวัน และกำไรจากเรือที่เช่ามาเพิ่ม (Chartered-in) ที่ 301 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดยมีอัตราค่าระวางเรือสูงสุดอยู่ที่ 25,462 เหรียญสหรัฐต่อวัน อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่กลุ่มธุรกิจเป็นเจ้าของยังคงอยู่ในระดับสูงที่ ร้อยละ 100 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เป็นเงินสดค่อนข้างคงที่อยู่ที่ 5,294เหรียญสหรัฐต่อวัน
นอกจากนี้ เพื่อเป็นไปตามแผนปรับปรุงกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้มีความทันสมัย ได้มาตรฐาน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง จึงได้ซื้อเรือมือสองเข้ามาเสริมกองเรือ จำนวน 1 ลำ และขายเรือเก่าไป จำนวน 1 ลำ
ในไตรมาสที่ 2/2561 ทำให้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้งเป็นเจ้าของเรือ จำนวน 21 ลำ โดยมีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,285 เดทเวทตันและมีอายุเฉลี่ย 11.21 ปี
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง: รายได้ของ เมอร์เมด มาริไทม์ ในไตรมาสที่ 2/2561 อยู่ที่ 687.1 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรของธุรกิจ อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่กลุ่มธุรกิจเป็นเจ้าของเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70 ในไตรมาสที่ 2/2561 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากฐานลูกค้าในตะวันออกกลางที่มั่นคง จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 2/2561 ปรับกลับมาเป็นบวกที่ 3.1 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับผลขาดทุนขั้นต้น จำนวน 32.4 ล้านบาทในไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ปรับตัวลดลงร้อยละ 9 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักเกิดจากการลดต้นทุนและการปรับโครงสร้างองค์กรด้วยยุทธวิธีRightsizing อย่างต่อเนื่อง ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าร่วมปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 135 จากไตรมาสที่ผ่านมาและร้อยละ 138 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 96.2 ล้านบาท เนื่องจากอัตราค่าเช่าเรือเปล่า (Bareboat Charter rate) ที่สูงขึ้น ภายใต้สัญญาระยะยาว 3 ปี ของธุรกิจขุดเจาะ
สำหรับธุรกิจขุดเจาะนั้น ในไตรมาสที่ 2/2561 มีการขายเรือขุดเจาะ tender rig จำนวน 2 ลำ ซึ่งก่อนหน้าไม่ได้ใช้งานออกไปส่วนเรือขุดเจาะ jack-up drilling rigs สเปคสูงจำนวน 3 ลำ ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทร่วมแห่งหนึ่งมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 100 ในไตรมาสที่ 2/2561 เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำ ดำเนินงานภายใต้สัญญาระยะยาว ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญา
ในปี 2562 ทั้งนี้ เมื่อรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและการตัดจำหน่ายสินค้าคงคลังล้าสมัย กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งรายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 245.6 ล้านบาทและผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 143.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2561 มูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2561 เท่ากับ 165 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีแผนจะเริ่มทำงานตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2561 ถึงสิ้นปี 2562
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร: ในไตรมาสที่ 2/2561 บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรในประเทศเวียดนาม มีรายได้จากการขายคิดเป็นเงิน 701.6 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าปริมาณการขายปุ๋ยทั้งหมดในครึ่งปีแรกยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็น 100.3 พันตันเนื่องจากตลาดส่งออกฟื้นตัว รวมถึงมีการส่งเสริมการขายและกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องสำหรับตลาดในประเทศเวียดนาม ส่วนปริมาณขายปุ๋ยในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากไตรมาสก่อน เป็น 33.7 พันตันตามฤดูกาล
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจบริการให้เช่าพื้นที่โรงงาน ยังสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในไตรมาสนี้การใช้ประโยชน์ของพื้นที่โรงงานให้เช่าที่มีอยู่ทั้งหมด 66, 420 ตร.ม. อยู่ในระดับเต็มอัตรา ส่งผลให้มีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่
โรงงานรวมกับรายได้อื่นเท่ากับ 21.2 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 62 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วน EBITDA เท่ากับ 43.5 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริงและยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 7.9 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐและเงินดองเวียดนาม โดยสรุปกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรรายงานผลกำไรสุทธิ จำนวน 28.3 ล้านบาทและผลกำไรสุทธิส่วนเป็นของTTA จำนวน 19.4 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2561
กลุ่มการลงทุนอื่น: TTA จะมุ่งเน้นที่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และโลจิสติกส์
•ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม : 1) บริษัท พี เอช แคปปิตอล จำกัด (PHC) ซึ่งเป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์พิซซ่าฮัทเพียง รายเดียวในประเทศไทยได้ทำการเปิดสาขาใหม่สุทธิตามหัวเมืองใหญ่ จำนวน 5 สาขาในไตรมาสที่ 2/2561และจำนวน 13 สาขา นับตั้งแต่ต้นปี 2561 เป็นต้นมา ทำให้ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 พิซซ่าฮัทมีสาขาทั้งหมด 121 สาขา
ทั่วประเทศไทย 2) บริษัท สยามทาโก้ จำกัด (STC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ได้จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อเข้าทำสัญญาบริหารแฟรนไชส์ทาโก้เบลล์ (Taco Bell) ซึ่งเป็นร้านอาหารเม็กซิกันที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกภายใต้บริษัท
ยัม แบรนด์ส อิงค์ โดยมีแผนจะเปิดสาขาแรกในประเทศไทยประมาณปลายไตรมาสที่ 4/2561
•ธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำ: เมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา TTA ได้เข้าลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (AIM ) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบก่อสร้างและให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการน้ำที่มีประสบการณ์สูง เพื่อเป็นพันธมิตรในธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ในประเทศไทย
เกี่ยวกับ TTA
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทเพื่อการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ คือ การสร้างความเติบโตอย่างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนซึ่งมีการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พอร์ตการลงทุนในปัจจุบัน (แต่ไม่ได้จำกัดเพียงเท่านี้) ประกอบไปด้วย กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และกลุ่มการลงทุนอื่น สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.thoresen.com