IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2563 นี้ กลุ่มบริษัทสามารถมีรายได้รวม 1,869 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบินและการบินของกลุ่ม ทั้งในส่วนของบริการ Airport Solutions ภายใต้ บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) ซึ่งให้บริการที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และสนามบินในภูมิภาค แต่ผลงานเด่นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา คือ กลุ่มสามารถเทลคอม ได้ลงนามในโครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,438 ล้านบาท ล่าสุด บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ยังได้ลงนามในโครงการจัดหาระบบโทรศัพท์ IP Phone แก่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ กลุ่มสามารถยังได้เซ็นสัญญาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสุราแช่ชนิดเบียร์ที่ผลิตในประเทศ ระยะเวลา 7 ปี มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท โดยขณะนี้ กลุ่มสามารถมุ่งเน้นในขณะนี้ คือ การเร่งปรับปรุงองค์กรและกระบวนการทำงานให้มีความกระชับ เพิ่ม Productivity และพุ่งเป้าไปที่การพัฒนา Solutions ใหม่ๆ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจหลังโควิด
เราเชื่อว่าหลังวิกฤตในครั้งนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง และอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับเรา คือ การมาของ 5G ที่จะสามารถรองรับการใช้งานด้านเทคโนโลยีที่รวดเร็วขึ้น
“ 5G จะมีการรับส่งข้อมูลมากกว่าเดิมถึง 20 เท่า สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโอกาสของเราที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่จะเอื้อประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าต่อไป" นายวัฒน์ชัย กล่าว
นายวัฒน์ชัย กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการพลิกฟื้นและวางรากฐานธุรกิจใหม่ของกลุ่มสามารถ มีการสร้างผลงานเด่นๆที่จะเป็นโอกาสสร้างรายได้ต่อเนื่องในอนาคต ทั้งธุรกิจด้าน Banking Solutions ในการทำระบบ Core Banking ให้กับแบงก์ธอส. และแบงก์เอสเอ็มอี, โครงการระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลัก ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีมูลค่าถึงกว่า 5,000 ล้านบาท ,โครงการสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) และการนำสายไฟลงดิน หรือ Underground Cable Services ของบริษัท เทด้า ที่มีงานในมือแล้วประมาณ 3,500 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจที่มีโอกาสสร้างรายได้ในปีนี้ คือ Digital Trunk Network ที่ติดตั้งเครือข่ายครอบคลุมไปแล้วประมาณ 90% ซึ่งจะเป็นโอกาสในการจำหน่ายเครื่อง Digital Trunk Radio เพิ่มขึ้น ในส่วนธุรกิจ Cyber Security ได้มีการเปิด บริษัท ซีเคียวอินโฟ จำกัด อย่างเป็นทางการ โดย IBM ให้เราเป็นพันธมิตรรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยในการนำเทคโนโลยี Watson AI มาใช้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการให้บริการ กลุ่มสามารถจึงมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 40 - 50% โดยจะเป็นงานของสายธุรกิจ ICT มากถึง 9,500 ล้านบาท
สำหรับปี 2563 นี้ แม้จะมีการคาดการณ์ว่าสภาพเศรษฐกิจอาจจะยังไม่สดใสนัก แต่ “กลุ่มสามารถ” มั่นใจที่จะให้เป็นปีแห่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยชูกลยุทธ์นำเสนอ โซลูชั่นและเทคโนโลยีที่หลากหลาย หรือ Unlimited Solutions จากปัจจัยที่มาจากนโยบายภาครัฐที่จะก้าวสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ด้วยการส่งเสริมด้านเทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตและการแข่งขัน ทั้ง E-Public Services , Critical Infrastructure , Cyber Security , Green Technology และ Human Transformation ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจ
รุกดิจิทัลโซลูชั่น ตอบโจทย์ New Normal
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากจะกระทบเศรษฐกิจทั่วโลกแล้ว ยังเป็นตัวเร่งทำให้เกิด Digital disruption โดยผู้คนหันมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น จากการต้องอยู่บ้านและเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคหลายๆอย่างเปลี่ยนไป เกิดเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่หรือเรียกว่า “นิว นอร์มอล” (New Normal) ขึ้น สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการที่ผู้คนหันมาทำกิจกรรมต่างๆผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งภาคการศึกษา ภาคเศรษฐกิจ การเงิน ภาคสังคม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ หลายๆภาคส่วนเริ่มมีการปรับตัวโดยการนำเทคโนโลยีและโซลูชั่นต่างๆเข้ามาใช้มากขึ้น กลุ่มบริษัทสามารถ ในฐานะที่ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีครบวงจร ได้เตรียมความพร้อมและมีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารธุรกิจ การพัฒนาคน และการพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชั่น ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานและพฤติกรรมของผู้บริโภคในโลกยุคใหม่ โดยพุ่งเป้านำเสนอธุรกิจที่มีความต้องการสูง และมีโอกาสเติบโต ตามกลยุทธ์ของ “กลุ่มสามารถ” ที่วางไว้คือ Unlimited Solutions ที่มีทั้ง Mobile cyber security, E-payment, E-learning และ กล้อง CCTV โดยเน้น 4 บริการหลัก ได้แก่
โซลูชั่นด้านการศึกษา
ภาคการศึกษาจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ถูก Disrupt มากที่สุดจากวิกฤติของโควิด ผู้คนจะคุ้นเคยกับการเรียนการสอนออนไลน์มากขึ้น เพราะจะเรียนกับใครที่ไหนก็ได้ ทั้งนี้นอกเหนือจากเนื้อหาและหลักสูตรที่น่าสนใจแล้ว การมีระบบ e-Learning ที่มีประสิทธิภาพ ก็เป็นสิ่งสำคัญ.. บริษัท สามารถ เอ็ด เท็ค มีบริการที่หลากหลายครอบคลุมความต้องการใช้งานระบบ e-Learning แบบครบวงจร อาทิ ระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ (Learning Management System) ทั้งในรูปแบบของ Web Application และ Mobile Application ทำให้ผู้เรียนเข้าเรียนได้อย่างต่อเนื่อง , ระบบห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) ที่ผู้เรียนสามารถโต้ตอบแบบเรียลไทม์กับผู้สอนได้ทันที , ออกแบบและผลิตบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning Course ware), ออกแบบและผลิตสื่อดิจิทัล (Digital Content) ทั้ง VDO, Games, Infographic, e-book เป็นต้น ภายใต้มาตรฐาน CMMI ระดับ 3 ด้านการปรับปรุงกระบวนการซอฟต์แวร์ ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
โซลูชั่นด้านการเงิน
ที่ผ่านมามีการใช้ระบบการชำระเงินออนไลน์ ยังอยู่ในคนบางกลุ่มหรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น วิกฤติโควิดครั้งนี้ ทำให้ผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเราก็มีโซลูชั่นที่พร้อมให้บริการในยุคสังคมไร้เงินสดหรือ Cashless Society เช่นกัน โดย บริษัท PosNet ที่มีบริการหลากหลาย ทั้งระบบและเครื่องรูดบัตรเครดิต ผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (EDC Network) , บริการ Total Solution ด้าน Payment รวมถึงบริการระบบสลิปบัตรเครดิตอิเล็กทรอนิกส์ Posnet Receipt Platform (PRP) และเป็นบริษัทฯ แรกในธุรกิจนี้ที่ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัยสารสนเทศ PCI DSS ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการชำระเงิน โดยได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้พัฒนา Application ต่างๆ ให้แก่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง อาทิ ธนาคารกรุงเทพฯ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีฯ , American Express , ธนาคาร UOB , ธนาคารธนชาต , ธนาคารออมสิน และผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิตอื่นๆ อาทิ บริษัทบัตรกรุงไทย(KTC) รวมถึงให้บริการ Loyalty Service Program ให้แก่ บริษัท RSH Thailand ฯลฯ
โซลูชั่นด้านความปลอดภัยไซเบอร์
เมื่อผู้คนทำกิจกรรมบนโลก Digital มากขึ้น ภัยคุกคามทางไซเบอร์ จึงเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายกังวล บริษัท ซีเคียวอินโฟ จำกัด (SECUREiNFO) มีความเชี่ยวชาญในด้านระบบรักษาความปลอดภัยอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Cyber Security แบบครบวงจร พร้อมนำเทคโนโลยี AI : Watson for Cyber Security ของ IBM มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเป็นรายแรกในประเทศไทย ปัจจุบันได้ขยายการให้บริการไปถึงสมาร์ทโฟน โดยจับมือกับ Lookout ผู้นำด้าน Mobile Security จากสหรัฐอเมริกา นำผลิตภัณฑ์ "Lookout App Defense" ที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึง Google ที่นำไปใช้ตรวจสอบ Applications ต่างๆ บน Playstore เพื่อป้องกันการบุกรุก ซึ่งเหมาะกับองค์กรที่มีผู้ใช้งาน Mobile Application จำนวนมาก มีการทำธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงมีข้อมูลสำคัญ เช่น สถาบันการ
เงิน, ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ , องค์กรที่ให้บริการด้านสาธารณูปโภค, ห้างสรรพสินค้า, ซูเปอร์สโตร์ เป็นต้น
โซลูชั่นด้านการระวังภัยและการวิเคราะห์ภาพที่หลากหลาย
เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดในยุค New Normal จะช่วยให้มาตรการ Social Distancing มีประสิทธิภาพ มีฟังก์ชันในการวิเคราะห์ภาพที่หลากหลายและมีประโยชน์มากขึ้น เช่น การนับจำนวนคน การตรวจสอบความหนาแน่นของคนในพื้นที่ รวมถึงการวัดอุณหภูมิ ปัจจุบัน บริษัท วิชั่น แอนด์ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็ม ได้ออกผลิตภัณฑ์ Hikvision Thermal Camera คือ กล้องตรวจจับความร้อน หรือ กล้องเทอร์โมสแกน ใช้ตรวจวัดอุณหภูมิแบบอินฟาเรดที่แม่นยำและรวดเร็ว โดยกล้องจะตรวจจับด้วยรังสีอินฟราเรดแล้วแปลงเป็นอุณภูมิร่างกายพร้อมประมวลผลเป็นภาพสองมิติ เมื่อตรวจพบความผิดปกติของอุณหภูมิระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ปฎิบัติงาน พร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ใช้งานง่ายประสิทธิภาพสูงเหมาะสำหรับจุดคัดกรองคนจำนวนมาก เช่น แหล่งชุมนุม, อาคารสำนักงาน,โรงพยาบาล, โรงแรม, ห้างสรรพสินค้าและสนามบิน เป็นต้น
“กลุ่มสามารถ” มีการวางแผนและเตรียมพร้อมที่จะรุกธุรกิจด้านดิจิทัลตามนโยบาย Thailand 4.0 ของภาครัฐ ซึ่งเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่เรานำเสนอทั้งหมดได้ผ่านการรับรองจากสถาบันระดับโลก บวกกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียง เพื่อให้ลูกค้าและผู้ใช้บริการมั่นใจว่าจะได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด”