IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มการลงทุนในหลายกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจด้านพลังงานทดแทนอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนที่ประเทศเวียดนาม เพื่อขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานลมคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสค่อนข้างสูงตามโครงการของทางการเวียดนามที่มีแผนหลักในการพัฒนาพลังงานทางเลือก
โดยแนวโน้มทิศทางผลประกอบการของปี 2562 นี้ ในครึ่งปีแรกได้รับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้ามินบูบางส่วน บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าที่ 30 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน 3,170 ล้านบาท และแนวโน้มกำไรสุทธิปีนี้มีโอกาสเติบโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดยกkรเติบโตมาจากธุรกิจในกลุ่มพลังงานทางเลือก อาทิ จากการขายก๊าซธรรมชาติ,การขายไฟฟ้า,การขายสิ้นส่วนรถยนต์และการขนส่ง รวมถึงมีการส่งมอบรถเมล์ NGV ล็อตสุดท้ายด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนของการก่อสร้างสถานี และงานเดินท่อ ซึ่งจะทยอยส่งมอบงานภายในปี 2562 นี้ และล่าสุดทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) มีโครงการจัดซื้อรถเมล์ใหม่จำนวน 2,188 คัน มูลค่าประมาณ 12,091 ล้านบาท โดยบริษัทกำลังศึกษาและมั่นใจว่ามีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลรถเมล์ล็อตใหม่ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับพลังงานทางเลือกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้จับมือพันธมิตรจัดตั้ง “สมาคมผู้ประกอบการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์” หรือ NGV เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติให้แข็งแกร่งและมีจุดยืนที่สำคัญในประเทศไทย เพราะก๊าซธรรมชาติที่เรามีอยู่เป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ ที่จะสามารถสนับสนุนให้เกินประโยชน์ทั้งด้านคมนาคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยการจัดตั้งสมาคมฯ นี้เพื่อผลักดันให้ภาครัฐสนับสนุนภาคขนส่งและประชาชนให้ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์เป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดและมีราคาถูก และไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศเช่น PM 2.5 ที่รู้จักคุ้นเคยกันในปัจจุบันนี้ และจะช่วยผลักดันให้ NGV เป็นเชื้อเพิงแห่งชาติ มีบทบาทมากขึ้นในทุกภาคส่วนต่อไป
สำหรับ “โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู” ได้เริ่มเปิดตัวเฟสแรกอย่างเป็นทางการไปแล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SCN-ECF-META มีขนาด 220 MWDC บนพื้นที่ 2,115 ไร่ ตั้งอยุ่ที่ อำเภอมินบู จังหวัดมาเกวย สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์(พม่า) เป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า ได้รับการออกแบบและดำเนินการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ และได้มาตรฐานระดับสากล
นายออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ร่วมกับ GEP (Myanmar) Co; Ltd. เป็นประธานในการเปิดงาน โรงไฟฟ้ามินบู เผยว่า "นี่เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังทดแทนและโรงไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์แห่งแรกและเป็นความภาคภูมิใจของประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา"
“เรามีความยินดีกับความสำเร็จของโรงไฟฟ้ามินบู ซึ่งก่อนที่จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการนี้ ทางSCN ได้ตั้งทีมศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วนและมั่นใจว่าโครงการนี้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่าแน่นอน จากความสำเร็นในเฟสแรกนี้ แม้จะเป็นเป็นก้าวแรกของโครงการ แต่เราเชื่อมั่นว่าการก่อสร้างเฟสต่อๆไปจะประสบความสำเร็จไปด้วยด้วยดี” ดร.ฤทธี กล่าว
3 กลุ่มธุรกิจหลัก
บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ร้อยละ 30-40 ในปี 2562 นี้ โดยกลุ่มธุรกิจหลักทั้ง 3 กลุ่มของบริษัทฯ ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อการเติบโต ได้แก่
-
กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมพลังงานและก๊าซธรรมชาติ สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน และการขยายฐานลูกค้า กลุ่ม iCNG ไปยังโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่แนวท่อก๊าซเพิ่มขึ้น รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในต่างประเทศเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมพลังงานของบริษัทกับลูกค้าทั้งในระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับนานาชาติ
- กลุ่มธุรกิจยานยนต์ มีการวางแผนปรับโครงสรางธุรกิจและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจำหน่ายและการผลิตแบบครบวงจร โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาในรูปแบบกิจการ (M&M) หรือการร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตแบบรถโดยสารที่ใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทย
-
กลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ต่อจากนี้อีก 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ มีเป้าหมายจะขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน คาดว่าการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมาและทีกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จะส่งเสริมให้ผลประกอบการในปี 2562 นี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หลังจากโครงการ COD (โครงการล่าช้าและเลื่อนการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์) ทำให้ทีมงานมีประสบการณ์และคุ้นเคยการทำงานร่วมกัน จะหลังจากนี้ทาง SCN จะเพิ่มสัดส่วนในการถือหุ้นใหญ่ใน GEFT เป็นร้อยละ 40 ซึ่งจะส่งผลให้การรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบริษัทฯ จะกลายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ หลังจากประเมินแล้วว่าจะได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าการลงทุนแน่นอน โดยบริษัทฯไม่ได้มองแค่เมียนมาเท่านั้น แต่ยังมีประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ ที่เป็นเป้าหมายในการขยายการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงาน เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในประเทศเวียดนามและใกล้เคียงต่อไป