ท.พ.พงษ์ศักดิ์ เกิดวงศ์บัณฑิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมลงทุนกับนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมีหลายประเทศเข้ามาเจรจาทั้งผู้ผลิตยางล้อและแปรรูปยางจากจีน และประเทศอื่น ๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเวลาอันนี้ใกล้นี้ ส่วนแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น คาดว่าจะสามารถทำได้ภายในปลายปี 2563 นี้ เนื่องจากต้องดูจังหวะและทิศทางราคายางในปีนี้ด้วย

“ผมไม่อยากให้มองว่าจะมีผลต่อการกำหนดทิศทางราคายางในลักษณะที่จะเข้ามากำหนดราคายางพาราไทย เพราะเป้าหมายของการร่วมทุนต้องการให้ได้ประโยชน์กับเกษตรกรไทยในการสร้างอำนาจในการต่อรอง"

ผมยืนยันว่าบริษัทยังเป็นของคนไทยครอบครัววงศ์บัณฑิตและไม่มีนโยบายขายบริษัทฯ หากมีการร่วมทุนใดๆ บริษัทจะต้องมั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ประเทศชาติและชาวสวนโดยรวม

บริษัทฯเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกยางพารา ยางธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศไทย กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ และมีฐานการผลิตที่สำคัญๆ อยู่หลายแห่งประกอบด้วย โรงงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต, ชุมพร และกระบี่ สงขลา อุดรธานี มีผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ อาทิ ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น ประมาณ 7.5 แสนตันต่อปี มูลค่าราว 5.6 หมื่นล้านบาท

บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2530 โดย คุณทวีศักดิ์ และคุณนันทินี เกิดวงศ์บัณฑิต ด้วยทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ อยู่ที่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจประเภทยางพารา โรงงานแห่งแรกสร้างบนพื้นที่ 120 ไร่ ที่ ต.ขุนทะเลอ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โดยเริ่มจากการผลิตน้ำยางข้น ตามด้วยโรงงานผลิตยางแผ่นรมควัน

จากนั้นได้ก่อสร้างโรงงานยางแท่ง STR ได้ก่อตั้งบนเนื้อที่เดียวกันทำให้โรงงานสาขาสุราษฎร์ธานี กลายเป็นโรงงานผลิตยางพาราที่ครบวงจร และมีกำลังการผลิตสูง (Jumbo Factory) รายแรกของโลก และได้ขยายกิจการไปที่ อำเภอพูนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมด 500 ไร่ ซึ่งประกอบด้วยโรงงานยางแท่ง STR และโรงงานยางแผ่นรมควันทำให้โรงงานพูนพินกลายเป็นโรงงานผลิตยางพาราแปรรูปมีกำลังการผลิตสูงที่สุดในโลก

และปี 2556 ได้ขยายสาขาไปที่ จ.อุดรธานี คือ บริษัท วงศ์บัณฑิต อุดรธานี จำกัด ผลิตยางแท่ง STR และยางแผ่นรมควันบนพื้นที่กว่า 600 ไร่ ซึ่งพัฒนาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมจนเป็นโรงงานแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ที่ดูแลระบบสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในโลก และเป็นโรงงานยางพาราขนาดใหญ่ที่ ได้ร่วมกับจังหวัดและทุกภาคส่วน คิดค้นมาตรการต่างๆ และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องกลิ่นอย่างต่อเนื่อง

จนได้รับการยอมรับจาก บริษัท พิเรลลี่ (PIRELLI) ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ชั้นนำของโลก ฯลฯ ว่าบริษัทฯ มีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในโลกและกรมควบคุมมลพิษตรวจพบมีความเข้มข้นของกลิ่นทั้งที่ระบายออกจากปล่องเตาอบยาง และบริเวณริมรั้วโรงงานต่ำมาก เมื่อเทียบเคียงโรงงานผลิตยางพาราในประเทศมาเลเซียและอินโดนิเซีย ปัจจุบันโรงงานที่อุดรธานีสามารถผลิตและซื้อ ยางพาราสูงสุดถึง 30,000 ตันต่อเดือน มูลค่า 14,000 ล้านบาทต่อปี และมีการจ้างงานในพื้นที่ 300,000 บาทต่อวัน หรือประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี

ต่อมาได้มีการควบรวมกิจการทุกสาขา (EBT) รวมเป็น บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลงจากขนาดของกิจการที่ใหญ่ขึ้น (Economy of Scale)บริษัทฯ สามารถมีอำนาจต่อรองด้านการค้าที่สูงขึ้น จากส่วนแบ่งของตลาดหลังการควบรวมกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นและยังช่วยให้กิจการขยายตลาดเข้าสู่ธุรกิจใหม่ และลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจปัจจุบัน

โดยบริษัทได้พัฒนาระบบการบริหาร และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต ครอบครัว และสังคมโดยรอบ ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารทำให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพการผลิต และเพิ่มสาขาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด เพราะเราเชื่อมั่นว่า “ความพึงพอใจของลูกค้า คือคุณภาพของเรา” วันนี้วงศ์บัณฑิตจึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติอย่างเต็มภาคภูมิ

บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกยางพาราธรรมชาติระดับโลก ดูแลใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพอย่างมีคุณธรรม และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้มีส่วนร่วม (Stakeholder) ด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ จึงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้สอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยางพารา ให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบันทั้ง 5 โรงงานผลิตของ บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด สามารถผู้ผลิตและส่งออกยางพารา ยางธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศไทย โดยผลิตและส่งให้กับลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ ที่สามารถรองรับกำลังการผลิตตามออเดอร์จากต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มลูกค้าประเทศจีนที่มีการเซ็นสัญญานำเข้าอยู่เป็นระยะๆ โดยที่ผ่านมาบริษัทมีการส่ง ซื้อขายยางให้ผู้นำเข้าจากจีน 3 ราย อาทิ บจก.ชิงเต่า เรื่อนเหรียญ, บจก.เซี่ยงไฮ้ ฮาน ชิง อิมพอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต และบจก.เซี่ยงไฮ้ ติง ชิง อินดัสทรี จากข้อมูลที่ผ่านมาปริมาณการส่งออกโดยรวมประมาณ 1.10 แสนตัน และมีมูลค่ากว่า 3.85 พันล้านบาท