Black Tap Craft Burgers & Shakes ฉลองการเปิดตัวร้านเบอร์เกอร์สาขาแรกในแคลิฟอร์เนียร่วมกับนักแสดงสาวชื่อดัง รวมถึงแขกพิเศษอย่างมิกกี้เมาส์ มินนี่เมาส์ และกูฟฟี่ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา

Black Tap Craft Burgers & Shakes ได้ฉลองการเปิดสาขาใหม่อย่างยิ่งใหญ่ที่ Downtown Disney(R) District ณ Disneyland Resort ร่วมกับแขกพิเศษไม่ว่าจะเป็นนักแสดงสาวและนักร้องชื่อดังอย่าง Vanessa Hudgens, มิกกี้เมาส์, มินนี่เมาส์ และกูฟฟี่ โดยการเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นการขยายกิจการสู่แคลิฟอร์เนียเป็นครั้งแรก หลังจากที่ Black Tap ได้เดินหน้าสยายปีกธุรกิจในระดับโลก

สำหรับร้าน Black Tap ซึ่งมีเมนูชื่อดังระดับรางวัลอย่างเบอร์เกอร์และเครื่องดื่มมิลค์เชค CrazyShake(R) นั้น ได้สร้างสรรค์แนวคิดที่มีความแปลกใหม่สำหรับสาขาที่เพิ่งเปิดตัวไปใน Downtown Disney(R) District โดยได้มีการนำเสนอรูปแบบการบริการที่รวดเร็วและเป็นกันเองเป็นครั้งแรก Black Tap สาขานี้พร้อมเสิร์ฟทั้งเบอร์เกอร์ เครื่องดื่ม และเบียร์ ในบรรยากาศแบบห้องอาหารมื้อเที่ยงสไตล์อเมริกันสุดคลาสสิกที่ให้สัมผัสแบบนิวยอร์ก สาขานี้ลูกค้าต้องเป็นผู้สั่งอาหารเองที่เคาน์เตอร์ และสามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ โดยจะมีพนักงานไปเสิร์ฟอาหารให้ถึงโต๊ะของท่าน นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสั่งเมนูเพิ่มเติมได้เมื่อได้โต๊ะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรือมิลเชค CrazyShake(R) จากพนักงานของ Black Tap

Chris Barish (ขวา) เจ้าของร้าน Black Tap กล่าวว่า

เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นกระแสตอบรับที่น่าตื่นเต้นและอบอุ่นตั้งแต่เราเปิดประตูต้อนรับแขกทุกท่านที่ Downtown Disney District

"Black Tap Anaheim เป็นร้านเบอร์เกอร์แห่งแรกที่มีบรรยากาศเหมือนร้านอาหารซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน พร้อมมอบประสบการณ์ทานอาหารที่แตกต่าง ภายใต้เวทมนตร์อันแสนอัศจรรย์ของ Downtown Disney District"

สำหรับเมนูอาหารเลิศรสนำโดยเบอร์เกอร์ทำสดของ Black Tap ไม่ว่าจะเป็นเมนู All-American Burger และเบอร์เกอร์ระดับรางวัลอย่าง Greg Norman Burger ซึ่งมาพร้อมกับเนื้อวากิว, ซอสบัตเตอร์มิลค์-ผักชีลาวสูตรพิเศษ, บลูชีส และผักร็อกเกต อีกทั้งยังมีเมนูไก่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Baja Chicken Sandwich และเมนูระดับรางวัลอย่างปีกไก่ Spicy Korean BBQ ที่โรยด้วยงาคั่วใหม่ ๆ และต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมกับซอสบัตเตอร์มิลค์-ผักชีลาว รวมถึงเมนูอาหารอีกมากมาย อาทิ เฟรนช์ฟราย และกะหล่ำดาวกรุบกรอบ

สำหรับอีกความพิเศษของสาขาที่ Disneyland Resort นั้น Black Tap Anaheim ได้เปิดบริการ "Shake Window" ซึ่งแขกสามารถสั่ง CrazyShake(TM) และเมนูมิลค์เชคสุดคลาสสิคอื่น ๆ สำหรับนำไปรับประทานด้านนอกร้าน โดยเมนู CrazyShake(TM) ที่แสนโด่งดังของ Black Tap ประกอบไปด้วยรสชาติออริจินัลอย่าง Cotton Candy, Sweet n' Salty และ Brooklyn Blackout นอกจากนี้ยังมีรสชาติพิเศษอย่าง Strawberry Shortcake Shake ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะที่ Black Tap Anaheim เท่านั้น โดยเมนูดังกล่าวเป็นสตรอว์เบอร์รีปั่นกับนม โรยขอบด้วยน้ำตาลรสวานิลลาประกบคู่กับครัมเบิ้ลเค้กกรุบกรอบ ก่อนที่จะตบท้ายด้วยไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้กที่ปักอยู่ด้านบนสุด ไปจนถึงทวิสตี้ป็อปสีชมพูสุดน่ารัก วิปครีม ราดซอสสตรอว์เบอร์รี และประดับด้านบนสุดด้วยผลเชอรี่

"แขกของ Disneyland Resort คงจะต้องกรีดร้องกันสุด ๆ กับเมนูของ Black Tap และเครื่องดื่มมิลค์เชคอย่าง CrazyShake" Patrick Finnegan รองประธานของ Disney California Adventure และ Downtown Disney District กล่าว "พวกเขาได้สร้างสรรค์ประสบการณ์รับประทานอาหารที่ทั้งอร่อยสุด ๆ แถมยังถ่ายรูปขึ้นสุด ๆ อีกด้วย"

Black Tap Anaheim ตั้งอยู่ใกล้กับ The VOID และมีโซนที่นั่งด้านนอกร้าน ร้านเบอร์เกอร์ เครื่องดื่ม และเบียร์สาขานี้ ให้บรรยากาศแบบห้องอาหารกลางวันที่ออกแบบมาอย่างคลาสสิกแต่ก็มีความโมเดิร์นอย่างเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงศิลปะแบบสตรีทอาร์ตที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดังอย่าง Jason Woodside และป้ายโฆษณานีออนแบบย้อนยุค นอกจากนี้ Crazyshake(R) Bar ของทางร้านยังเป็นกระจกใสที่เผยให้เห็นถึงขั้นตอนการทำมิลค์เชคชื่อดังของทางแบรนด์ และเพื่อเป็นการคงเอกลักษณ์ของร้าน Black Tap สาขา SoHo ซึ่งเป็นสาขาหลัก ร้านสาขาใหม่นี้จึงเลือกใช้สีขาว สีดำ และไม้สีบลอนด์เป็นหลัก โดย Black Tap Anaheim รองรับลูกค้าได้ทั้งหมด 125 ที่นั่งด้านใน และอีก 60 ที่นั่งด้านนอกร้าน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Black Tap สามารถเข้าชมได้ที่ www.blacktap.com หรือติดตาม Black Tap บน Facebook และ Instagram ที่ @blacktapanaheim