อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบะหมี่สำเร็จรูปเจ้าแรกของไทย บะหมี่สำเร็จรูป ยำยำหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Ajinomoto Corp ที่ได้ผลิตครั้งแรกในปี 2514 และได้เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 48 ปี พร้อมการแตกโปรดักส์ไลน์ เส้นบะหมี่รสชาติ ต่างๆ อาทิ ยำยำรสหมูสับ ยำยำผัดขี้เมา ยำยำรสต้มยำ รสสุกี้ และรวมถึงยำยำในรูปคัพ
แม้ที่ผ่านมา ยำยำ จะมีการปรับปรุงรสชาติและรูปโฉมซอง เพื่อให้ถูกใจผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา และล่าสุด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “ยำยำ” รีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบทศวรรษ โดยปรับโลโก้และแพ็กเกจใหม่ที่ใหญ่ขึ้น พร้อมชูคอนเซ็ปต์ ส่งความสุขที่มาจากความอร่อย โดยเพิ่มรอยยิ้มเข้าไปในโลโก้ เพื่อสื่อถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของยำยำในการส่งความสุขจากความอร่อยสู่ผู้บริโภค
สดใส มีชีวิตชีวา และทันสมัยมากขึ้น เป็นจุดเน้นของรูปโฉมภาพลักษณ์ใหม่ของ ยำยำจัมโบ้ ชึ่งเป็น Sub-brand หลักของยำยำ ที่มีจุดเด่นเรื่องปริมาณเต็มอิ่มเต็มความอร่อย โดยการปรับโลโก้และแพ็กเกจจิ้งให้ดึงดูดมากยิ่งขึ้น ตัวหนังสือ “จัมโบ้” ให้มีขนาดใหญ่เพื่อสื่อถึงความคุ้มค่า เนื่องจากหากตั้งสินค้าบนชั้นวาง ด่านแรกที่ผู้บริโภคจะเดินเข้าไปพบเห็นคือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งหากสามารถทำให้สะดุดตา สินค้าก็จะสามารถขายตัวเองได้ในทันที
นายเทซึโอะ ซูซูกิ ประธานกรรมการ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ได้กล่าวว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจของยำยำจัมโบ้จากนี้ไปจะเน้นการส่งมอบความสุขให้กับผู้บริโภคชาวไทย และอีก 50 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งเสมือนเป็นการตอกย้ำ vision ของบริษัทฯ คือการมุ่งมั่นในความอร่อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง ที่บริษัทเดินหน้าพัฒนาไม่หยุดยั้ง และในขณะเดียวกันการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ ยำยำ จัมโบ้ รสต้มยำกุ้ง สูตรใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัติรสชาติของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งในปัจจุบัน โดยการนำกุ้งแท้ๆ มาผสมกับเครื่องต้มยำเพื่อให้ได้น้ำมันเครื่องปรุง โดยส่วนผสมทั้งหมดจะบรรจุอยู่ในซองรูปแบบใหม่ที่มีความเงางามจากซอง Metalize และสีทอง โดยสิ่งที่ทำทั้งหมดก็เพื่อเป้าหมายส่วนแบ่ง 27% ที่ยำยำฝันอยากให้เกิดขึ้นภายในปี 2562
ด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังมีจุดเด่นในการบริโภค ที่เน้นความสะดวกสบาย ราคาที่ไม่แพง และความอร่อยของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังคงเป็นจุดขายที่แข็งแรงที่สามารถตอบสนองต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยจากข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการบะหมี่สำเร็จรูปโลกรายงานว่า คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากเป็นอันดับ 9 ของโลก เฉลี่ยคนละ 49 ซองต่อปี (อ้างอิง : World Instant Noodle Association) ในประเทศไทย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดมีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่ที่สุดคือมากกว่า 50% เพราะรสเผ็ดเป็นรสชาติที่คนไทยชื่นชอบและคุ้นเคย
"ทั้งๆ ที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและขนมขบเคี้ยว ถูกมองว่าไม่มีคุณค่าทางสารอาหารเหมือนกัน แต่ขนมขบเคี้ยวกลับทำตลาดเติบโตได้มากกว่า เมื่อยำยำเข้าไปศึกษาตลาดจึงพบว่า ปัจจัยสำคัญที่จะสามารถสร้างการเติบโตอยู่ที่การสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค"
แม้ว่าในปีที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะมีการเติบโตประมาณ 4% ทั้งนี้ เนื่องจากผลกระทบของปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่กระนั้นยังถือว่าเป็นธุรกิจที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อีกหลายๆ ธุรกิจอยู่ในภาวะทรงตัว
นอกจากจะมีเปลี่ยนโฉมด้านรูปลักษณ์และรสชาติแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ยำยำนำมาเป็นตัวถ่ายทอดและสร้างกระแสในการรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ ยำยำได้เลือก ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก มารับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยคุณสมบัติความเป็นนักแสดงหญิงที่ได้รับการยอมรับว่าเซ็กซี่ที่สุดของประเทศไทยติดต่อกัน 3 ปีซ้อน
ทั้งนี้ ยำยำ จะเน้นกลุ่มผู้บริโภคเป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ เพราะจะได้มีประสบการณ์ในการกินยำยำ แต่ในภาพรวมใหญ่ กลุ่มเป้าหมายหลักของยำยำ คือสามารถทานได้ทั้งครอบครัว
ปัจจุบัน ยำยำจัมโบ้ได้มีสัดส่วนการวางจำหน่ายในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยตลาดในประเทศ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด คือ 85% ตามด้วยยำยำแบบถ้วย 10% และยำยำ สำหรับเด็กๆ ยำยำช้างน้อย 5%
แม้จะมีสัดส่วนยอดขายมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันตลาดบะหมี่สำเร็จรูปแบบซองกลับมีอัตราเติบโตเพียง 1-2% ซึ่งน้อยกว่าตลาดบะหมี่สำเร็จรูปแบบถ้วย ที่มีอัตราการเติบโตถึง 10% ในขณะที่ยำยำมุ่งเน้นทำการตลาดยำยำจัมโบ้ชนิดซอง แต่ก็ได้ให้ความสำคัญในรูปแบบถ้วยด้วย เนื่องจากมองเห็นการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาเน้นความสะดวกมากขึ้น
ในขณะที่ตลาดต่างประเทศก็นับว่าเป็นอีกช่องทางที่สำคัญในการเพิ่มยอดขายช่วงตลาดภายในประเทศเริ่มชะลอตัว จากสัดส่วนการส่งออก 20% ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ เกาหลี และตลาดมีแรงซื้อมหาศาลจากจีน ในขณะที่ตลาดทางอียูได้มีการจำหน่ายใน เยอรมัน ฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ และบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดประเทศในกลุ่มอียูเพิ่มขึ้นด้วย
การปรับสูตรและภาพลักษณ์ในครั้งนี้ หากประสบผลสำเร็จจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้มาก พร้อมทั้งช่วยผลักดันให้รายได้ปี 2562 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทฯ จะสามารถประเมินแผนการลงทุนด้านโรงงาน เพื่อรองรับยอดขายที่จะเพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันแบรนด์มาม่ายังครองความเป็นเจ้าตลาด ด้วยมีส่วนแบ่งเกือบครึ่ง ตามด้วยยำยำจัมโบ้และไวไว
ขณะที่แผนในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือพัฒนาสินค้าออกมาใหม่นั้น นายเทซึโอะ ซูซูกิ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ยำยำเลือกลงสู้ศึกในตลาดรสชาติ อย่าง ต้มยำกุ้ง มากกกว่าการตัดสินใจออกรสชาติใหม่ เพราะเป็นตลาดใหญ่ ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยอยู่แล้ว โดยการเพิ่มรสชาติให้จัดจ้าน และใส่ส่วนผสมกุ้งลงไป เพื่อให้รู้สึกถึง “ความคุ้มค่า” ในราคาเดิม น่าจะมีโอกาสแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้มากกว่าการออก รสชาติใหม่ ที่ต้องใช้สรรพกำลังมากกว่า และยังไม่รู้ว่าจะอยู่ในตลาดนานแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ไม่ให้ลูกค้าเบื่อ"
คาดหวังว่าทิศทางภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้ หลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ จะดีขึ้นและมอบความสุขให้สอดคล้องกับความคาดหวังของคนในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
"ยำยำ จัมโบ้" ก็เลือกที่จะให้ความสุขกับผู้บริโภคชาวไทย ภายใต้การปรับสูตรและรูปโฉมใหม่ ที่ผ่านทางรสชาติที่แสนอร่อยเช่นเดียวกัน