IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติ บริษัท ซุปเปอร์ วินด์เอนเนอร์ยี จำกัด (SWE) เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5,000 ล้านบาท โดยให้บริษัท ซุปเปอร์เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด (SEG) เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 499,990,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท มูลค่ารวม 4,999.9 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในธุรกิจการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมในอนาคต
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา SUPER มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 500 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งขณะนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว โดยเฟสแรกคาดว่าจะมีขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 200-250 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเริ่มทยอยดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)ได้ในช่วงปลายปี 2563
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เพิ่มเติมในต่างประเทศ ทั้งในโครงการโรงไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ และพลังงานลม โดยเฉพาะธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการเพิ่มรายได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการกระจายสัดส่วนรายได้ให้มีองค์ประกอบจากพลังงานทดแทนในทุกๆประเภท
นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เติบโตเพิ่มขึ้น
จึงทำให้มั่นใจว่า ความสามารถในการสร้างรายได้ในปี 2562 นี้จะไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรวม COD สิ้นปีนี้มีโอกาสจะทะลุ 1,000 เมกะวัตต์ได้อย่างแน่นอน
ล่าสุด ทางบอร์ด “SUPER” เข้าลงทุน 2 บริษัท “อพอลโล่ โซล่าร์" และ "เมืองไทยน่าอยู่” เพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน รับอานิสงส์โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่จังหวัดสระแก้ว ตั้งเป้าธุรกิจคจากการทยอยรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ฯ เวียดนาม พร้อม COD แล้ว วางเป้าหมายขึ้นแท่นผู้นำด้านพลังงานทดแทนของภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563 แน่นอน
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ บริษัท ซุปเปอร์โซล่าร์เอนเนอร์ยี จํากัด (“SSE”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทําสัญญาซื้อหุ้นใน บริษัท อพอลโล่ โซล่าร์ จำกัด (APL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จากผู้ถือหุ้นเดิม 2 ราย ในสัดส่วน 25.57% ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 50,625,000 บาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน APL ครั้งนี้ส่งผลให้ SSE ถือหุ้น APL เพิ่มขึ้นจากเดิม 48.86% เป็น 74.43% ของทุนจดทะเบียนของ APL ทั้งนี้ APL ดําเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการกำลังการผลิตติดตั้ง 5.4 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังได้ให้ บริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี จํากัด (“SUPER EARTH”) เข้าทํารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการเข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท เมืองไทยน่าอยู่ จํากัด ( MNY) จาก บริษัท เอนเนอร์จี รีพลับบลิค จํากัด (“Energy Republic”) ในสัดส่วน 92.54% ของทุนจดทะเบียน โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 120 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นสามัญในเมืองไทยน่าอยู่ในครั้งนี้ส่งผลให้ SUPEREARTH เข้าถือหุ้นทางอ้อมใน บริษัท หนองคายน่าอยู่ จํากัด (“NKNY”) ในสัดส่วน 62% ของทุนจดทะเบียนของ NKNY รวมทั้งการจัดตั้ง บริษัท ซุปเปอร์ วอเตอร์ พีพีเอส จํากัด บริษัทย่อย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจผลิตและจําหน่ายน้ำ 1,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จํานวน 100,000 หุ้น ในมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งการขยายการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และสถาบันการเงินพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการเก็บเกี่ยวรายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในตลาดต่างประเทศ โดยจะเข้าไปลงทุนในกลุ่มอาเซียมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2563
“เรายังคงมองหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานทดแทนในตลาดต่างประเทศ ทั้งด้านโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง เพราะจะเห็นว่าความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาด CLMV ที่มีอัตรา GDP การเติบโตค่อนข้างสูง อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย (IRR) สูง ซึ่งจะสนับสนุนต่อช่องทางและฐานรายได้ในอนาคต และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายจอมทรัพย์กล่าว
นอกจากนี้ ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ซุปเปอร์ วอเตอร์ จำกัด (SUPERW) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา จากกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ได้แก่ บริษัท สำนักงานที่ปรึกษากฎหมาย มีชัยไทยแลนด์ จำกัด (MTL) และ บริษัท แอ็ดวานซ์ แอสเซท แมเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (AAMS) มูลค่าเงินลงทุนจำนวน 129,999,974 บาท
ทั้งนี้ การเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของ SUPERW จะส่งผลให้ บริษัท กิจการร่วมค้า ไทยพานิชนาวา ก่อสร้าง และ แหล่งน้ำไทย จำกัด (JVTPN) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา มีสภาพการเป็นบริษัทย่อยของ SUPER ซึ่ง SUPER จะถือหุ้นทางอ้อมใน JVTPN สัดส่วนร้อยละ 90 อีกด้วย (ทั้งนี้ก่อนการเข้าทำรายการ SUPERW ถือหุ้นใน JVTPN ร้อยละ 90)
สำหรับผลประโยชน์ที่บริษัทฯคาดว่าจะได้รับคือ
- เป็นการลงทุนที่สร้างโอกาสในการขยายไปยังธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปีตามการเติบโตของชุมชนและภาคอุตสาหกรรมและเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้มากขึ้น โดยคู่สัญญาของบริษัทในปัจจุบันคือ การประปาส่วนภูมิภาคและบริษัทเอกชนที่มีความน่าเชื่อถือและมีฐานะการเงินมั่นคง ดังนั้นรายได้ที่จะได้จึงมีความแน่นอนและต่อเนื่องในระยะยาว
- เพิ่มความหลากหลายในการลงทุนและเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
- เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว
“ที่ประชุมคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการเข้าทำรายการดังกล่าว มีความสมเหตุสมผลและจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (EIRR) ในระดับประมาณ 13.33% และยังเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้บริษัทฯสามารถรุกไปสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดี อัตราการเติบโตของทรัพย์สิน ผลกำไร และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว” นายจอมทรัพย์ กล่าวในที่สุด