Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

นวัตกรรมการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตยืนยาว

ศาสตราจารย์รีโน รัปปูโอลี  หัวหน้านักวิทยาศาสตร์และผู้อำนวยการด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนของบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น จำกัด (จีเอสเค) ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดอันดับสามของโลกในสาขาวัคซีน

ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยอิมพีเรียล และเป็นหนึ่งในผู้นำทางวิทยาศาสตร์ด้านวัคซีนระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อความยั่งยืนของระบบสาธารณสุข ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อเข้ารับรางวัล 2019 Edward Jenner Lifetime Achievement Awardee ในงานประชุมวิชาการด้านวัคซีนระดับโลก 13th Vaccine Congress 2019 เมื่อเร็วๆ นี้ จากการอุทิศตนในการพัฒนาแนวคิดทางการแพทย์และการคิดค้นพัฒนาวัคซีนเพื่อรักษาโรคต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้คนทั่วโลกและเป็นประโยชน์ต่อวงการสาธารณสุขของโลก

ผมรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาวัคซีน ความสำเร็จนี้ไม่ใช่ของผมเพียงคนเดียวแต่เป็นผลจากความทุ่มเทของทีมงานกว่าร้อยชีวิต

รวมถึงจีเอสเคที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวัคซีนซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานในการพัฒนา วัคซีนนับว่าเป็นนวัตกรรมด้านสุขภาพที่ดีที่สุดในรอบร้อยปีที่ผ่านมา เพราะวัคซีนช่วยให้ผู้คนทั่วโลกปลอดภัยจากโรคติดเชื้อหลายชนิดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอายุยืนยาว ซึ่งการพัฒนาวัคซีนจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดเทคโนโลยีนวัตกรรม บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา ขณะนี้มีความสนใจที่จะศึกษาการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคหนองใน ซึ่งจะช่วยผู้คนกว่า 78 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นโรคนี้ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อดื้อยา ซึ่งกำลังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก” ศ.รีโน กล่าว  


 ศ.รีโน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทยมีชื่อเสียงในด้านการทดลองทางคลินิกที่มีคุณภาพ โดยจีเอสเคก็กำลังศึกษาวัคซีน RSV ในประเทศไทย จึงมั่นใจว่าไทยมาถูกทางแล้ว และอยากให้พัฒนาขึ้นจนสามารถส่งต่อความรู้และวิทยาการไปยังทั่วโลกได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยตนยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่นักวิจัยและสถาบันในประเทศไทย


 “ขณะนี้ทั่วโลกเกิดคำที่เรียกว่า Vaccine hesitancy หรือความลังเลใจว่าจะรับวัคซีนดีไหม หากเราปฏิเสธการรับวัคซีน โรคติดเชื้ออีกหลายโรคอาจจะกลับมาแพร่ระบาด เช่น โรคโปลิโอ โรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ และโรคหัด จึงอยากฝากถึงทุกคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ว่า ให้เห็นถึงความสำคัญของวัคซีนในการป้องกันโรคต่างๆ” ศ.รีโน กล่าว
 
ศ.รีโน ได้ศึกษาวิจัยและริเริ่มแนวคิดการพัฒนาวัคซีนต่างๆ ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ของวงการแพทย์สมัยใหม่ และถูกนำมาใช้ในการป้องกันโรคอย่างแพร่หลาย ได้แก่ แนวคิด reverse vaccinology หรือการพัฒนาวัคซีนแบบย้อนกลับ โดยการศึกษาชุดข้อมูลพันธุกรรมของเชื้อโรคเพื่อศึกษาหาแอนติเจนหรือสารก่อภูมิต้านทานที่เหมาะสม ซึ่งเป็นการปฏิวัติการพัฒนาวัคซีนและทำให้สามารถลดระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีน รวมถึงแนวคิด Genetic detoxification หรือกระบวนการขับสารพิษโดยใช้วิธีทางพันธุกรรม ซึ่งแนวคิดเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคติดเชื้อที่สำคัญหลายชนิด อาทิ วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ ทำให้ผู้ได้รับวัคซีนมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนน้อยลง และวัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น เพื่อป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ รวมถึงการคิดค้น CRM 197 ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในวัคซีนหลายชนิด เช่น วัคซีนไอพีดี (IPD) เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไอพีดี วัคซีนฮิบ (Hib) เพื่อป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น (meningococcal vaccine) และยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการพัฒนายาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ศ.รีโน ยังมีผลงานวิจัยตีพิมพ์มากกว่า 690 ผลงานในวารสารวิชาการนานาชาติ

ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม รองอธิการบดี กำกับดูแลด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนมีความสำคัญมากต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คน เพราะช่วยป้องกันโรคและยุติการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาวัคซีนนวัตกรรมขึ้นได้ โดยไม่ต้องรอนำเข้าจากเมืองนอกเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญคือ ทุกภาคส่วนต้องเห็นความสำคัญและร่วมมือกันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่วางนโยบายสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการวางนโยบายเพื่อดึงดูดเอกชนที่มีความพร้อมในการลงทุนด้านการวิจัย รวมถึงนักวิจัยที่มีความสามารถและมีความกระตือรือร้นในการสร้างนวัตกรรม และท้ายสุดคือ การสร้างเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีระหว่างนักวิจัยทั่วโลก อย่างงานประชุมวิชาการ Vaccine Congress 2019 ในครั้งนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการพัฒนาวัคซีนคือ จะทำอย่างไรให้ได้วัคซีนนวัตกรรมที่ดีกว่าของเดิมหรือยังไม่เคยมีมาก่อน และจะทำอย่างไร จึงจะได้วัคซีนที่มีราคาเหมาะสมและสามารถช่วยเหลือคนทุกระดับ โดยเฉพาะคนด้อยโอกาสได้

ศ.พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม หัวหน้าศูนย์วิจัย คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ประเทศไทยค่อนข้างตื่นตัวกับการพัฒนาวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม แต่ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ภาคส่วนเหล่านี้เกิดการประสานงานกันเป็นหนึ่งเดียว และสามารถส่งต่อวัคซีนที่มีคุณภาพไปถึงผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงอยากให้รัฐบาลเป็นผู้นำการสร้างความร่วมมือนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนทุนวิจัย การสร้างกลไกให้มีจำนวนนักวิจัยทำงานเพิ่มขึ้น และการสร้างความร่วมมือกับสถาบันในต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และเทคโนโลยีนวัตกรรม โดยตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนนวัตกรรมของโลกในอนาคต

นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GSK กล่าวว่า การนำวัคซีนมาใช้ป้องกันโรคส่งผลให้แนวโน้มอัตราการเสียชีวิตและการเกิดโรคติดเชื้อลดลงอย่างมาก ปัจจุบัน มีการใช้วัคซีนของจีเอสเคทั่วโลกกว่า 2 ล้านโด๊สต่อวันใน 158 ประเทศ ขณะนี้ จีเอสเคมีวัคซีนที่อยู่ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนามากกว่า 30 ชนิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ ถึง 21 โรค นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาวัคซีนนวัตกรรมกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรพัฒนาเอกชนอื่นๆ มากกว่า 150 แห่งทั่วโลก


“สำหรับประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2546 ถึงปี 2562 จีเอสเคได้ร่วมมือกับนักวิจัยไทยและสถาบันต่างๆ เพื่อการวิจัยทางคลินิกมากกว่า 50 งานวิจัย อาทิ งานวิจัยวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  เชื้อไวรัสโรต้าที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วง  เชื้อไวรัสเอชพีวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก  โรคคอตีบ  บาดทะยัก และไอกรนชนิดไร้เซลล์  โรคไข้หวัดใหญ่  โรคไข้เลือดออก  และโรคไข้กาฬหลังแอ่น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุขและสุขภาพที่ดีของคนไทย ตามความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งเสริมให้ผู้คนเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกัน” นายวิริยะ กล่าว


 ปัจจุบัน จีเอสเคกำลังดำเนินการวิจัยทางคลินิกในประเทศไทยจำนวน 3 งานวิจัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการศึกษาระบาดวิทยาของไวรัส RSV และการศึกษาวัคซีน RSV ในเด็กและทารก ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยในอนาคต จะขยายการวิจัยไปถึงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และประชากรที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ รวมถึงจะมีการวิจัยเพื่อศึกษาวัคซีนปอดอุดกั้นเรื้อรัง เพื่อป้องกันการกำเริบจากการติดเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย
 
นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และบุคลากรทางการแพทย์ ต่างไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ เพื่อสร้างสังคมที่แข็งแรงและปลอดภัยสำหรับทุกคน

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Thursday, 21 May 2020 05:00
ปองภพ เจนกิจโสภณ

Author : เกาะติดข่าวเทคโนโลยีและอิเลคทรอนิกส์, ทุกเรื่องราว IT, Software และ Gadget, IoT, AI, EV, วิทยาศาสตร์, โทรคมนาคม, Artificial Intelligence, Machine Learning ฯลฯ

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

AWC เผย Q3 ลงทุน 1 หมื่นล้าน กำไรพุ่ง 1.13 พันล้าน เชื่อมั่นพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมสร้างไทยให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

โครงการการพัฒนาระบบควบคุมการยิงเพื่อการดำรงสภาพยุทโรปกรณ์ ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40 มิลลิเมตร แอล 70

Double A เผยกำไรโตต่อเนื่อง 3 ไตรมาสแรก พุ่งขึ้นกว่า 2.5 เท่า เดินหน้าสู่ Net Zero ด้วย ESG ในปี 2050 วางโรดแมป ขับเคลื่อนธุรกิจ ลดโลกร้อน สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM