Print this page

CPanel ตุน Backlog 1.2 พันล้านบาท ลุยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 25% ชู Precast Concrete นวัตกรรมพลิกโฉมวงการก่อสร้าง

บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPanel ชูงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,295 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณ 30 ล้านบาท รองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 25% โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ โรงแรม และนิคมอุตสาหกรรมคาดว่าการเติบโตรายได้ของปีนี้จะเป็นแบบ Conservative คือเติบโต 10-15% แน่นอน

นายชาคริต  ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPanel เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2566 นี้ว่า บริษัทฯมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตอีก 25% เป็น 9.9 แสนตารางเมตร หรือเกือบ 1 ล้านตาราเมตร จากปีก่อนเพิ่มแล้ว 10% เป็น 7.9 แสนตารางเมตร โดยคาดว่ากำลังผลิตจะเพิ่มในไตรมาส 3/2566 เพื่อรองรับออเดอร์จากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ และบริษัทฯ คาดว่าการเติบโตรายได้ของปีนี้จะเป็นแบบ Conservative หรือเติบโต 10-15% จากลูกค้ารายใหญ่ในปีนี้ปรับโมเดลธุรกิจ หลังบางบริษัทขายธุรกิจพรีคาส ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มพิจารณาและปรับโมเดลการผลิตพรีคาส ส่งผลให้ CPanel มีโอกาสจะรับงานผลิตพรีคาส(Precast Concrete)ใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

โดยแผนการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้การดำเนินงานมีความรวดเร็ว และออกแบบงานได้แม่นยำ ลดโอกาสการผิดพลาด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มโอกาสการรับงานได้มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale ต้นทุนการผลิตลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไร(มาร์จิ้น) ให้สูงขึ้นอีกด้วย โดยในปี 2566 บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ราว 40% นอกจากนี้บริษัทเตรียมเซ็นสัญญารับงานใหม่เร็วๆ นี้อีก 200 ล้านบาทอีกด้วย

โดยแผนการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้การดำเนินงานมีความรวดเร็ว และออกแบบงานได้แม่นยำ ลดโอกาสการผิดพลาด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มโอกาสการรับงานได้มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale ต้นทุนการผลิตลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไร(มาร์จิ้น) ให้สูงขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้บริษัทจะมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ โรงแรม และนิคมอุตสาหกรรม ทั้งแนวราบ แนวสูง อาทิ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจเติบโตในอนาคต จากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงเติบโต โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง - บน สำหรับอาคารชุด คอนโดมิเนียม คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน กลับมาเปิดประเทศ จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น อีกทั้งพื้นที่แถบ EEC ในช่วงที่ผ่านมาเป็นเขตเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ประชากรเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีการโอนกรรมสิทธิ์เป็น 15% จาก 12% และแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ทั้งนี้ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการขายที่ 431.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.76 ล้านบาท คิดเป็น 38.85% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายแผ่นผนังและแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปเป็นหลัก และรายได้อื่นของบริษัท ประกอบด้วย รายได้จากการขายเศษเหล็กจากกระบวนการผลิต ดอกเบี้ยรับ และอื่นๆ โดยในปี 2565 บริษัทมีรายได้อื่นๆ ที่ 2.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.77 ล้านบาท คิดเป็น 49.04% เมื่อเปรียบเทียบ กับช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีกำไรสุทธิในปี 2565 ที่67.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.14 ล้านบาท หรือ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 มีกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท

สำหรับแผนลงทุนในปีนี้ บริษัทฯได้เตรียมงบประมาณราว 30 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเครื่องจักร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 25% ส่งผลให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งเรื่องการออกแบบ ความรวดเร็ว ปริมาณ และคุณภาพ Precast Concrete รวมถึงลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต ถือเป็นการเพิ่มโอกาสการรับงาน รองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น และส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพิ่มความสามารถการทำกำไรต่อไป

โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,295 ล้านบาท ทยอยรับรู้ภายในปี 2566- 2567 (ภายใน 2 ปี)  นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/66 บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาจากลูกค้า 3 ราย มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 ราย แนวสูง 1 ราย ในขณะที่ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีสัญญาณที่ดี จากจำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง - บน สำหรับอาคารชุด คอนโดมิเนียมคาดว่าจะได้รับอานิสงส์อย่างมากจากการที่ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน กลับมาเปิดประเทศเต็มตัว รวมถึงความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในประเทศ เมียนมาร์ ไต้หวัน และ ยุโรปบางประเทศ ยังส่งผลให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่จะเป็นบ้านหลังที่สองอีกด้วย

เนื่องจากการกระจายฐานการผลิตและการลงทุนต่างๆ เนื่องจากประเทศไทยค่อนข้างมีความเป็นกลางในเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้มีประชากรในพื้นที่ อีอีซี เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ จาก 12% เป็น 15 % และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงคาดว่า ปี 2566 นี้จะเป็นปีที่ประเทศไทยได้รับปัจจัยเชิงบวกจากจีนค่อนข้างมากโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากความต้องการที่ถูกอั้น (Pent Up Demand)ไว้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในไทยสูงขึ้น  

“จากต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินงานซึ่ง Precast Concrete สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี ถือเป็นโอกาสในการรับงานให้กับบริษัท และเชื่อว่าจากปัจจัยดังกล่าวจะผลักดันให้ผลประกอบการปี 2566 เติบโตได้ตามแผนที่วางไว้แน่นอน” นายชาคริต กล่าวทิ้งท้าย



รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
เพิ่มเพื่อน

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Saturday, 01 April 2023 11:58
ภูษิต ภูริศิริโชค

Latest from ภูษิต ภูริศิริโชค

Related items

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM