Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

Tetra Pak เผยรายงาน “เทรนด์ดิพิเดีย” ประจำปี 2566 ชี้การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ผู้บริโภคในปีนี้

เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงาน “เทรนด์ดิพิเดีย” ประจำปี 2566 ที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค โดยในปีนี้ เต็ดตรา แพ้ค เน้นย้ำสี่เทรนด์หลักที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

เทรนด์หลักที่ยังมีส่วนคล้ายคลึงกันกับปีที่ผ่านมา คือ In Control ซึ่งแสดงถึง ความต้องการควบคุมปัจจัยต่างๆ ในด้านสุขภาพ โดยใช้อาหารและเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพให้เข้ามามีบทบาท และมีเทรนด์ที่แตกต่างไปอย่าง Flexi-shopping ที่ผู้คนใช้จ่ายเงินไปกับการเลือกซื้อของอย่างรู้คุณค่ามากยิ่งขึ้น Eatertainment ชุมชนออนไลน์ที่สนุกไปกับการสร้างสรรค์และนำเทรนด์อาหารใหม่ๆ และ Local Reclaimed การกลับเข้าหาผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยและสนับสนุนสินค้าท้องถิ่นไปพร้อมๆกัน

(จากซ้ายไปขวา) เชฟเฟิร์ส ธนภัทร สุยาว ผู้ชนะมาสเตอร์เชฟประเทศไทย ซีซัน 2, คุณสุภนัฐ รัตนทิพ  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด, คุณสุทธินันท์ เตชะทยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด

ในช่วงปี 2566 เป็นปีที่มีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งล้วนส่งผลถึงพฤติกรรมโดยรวมของผู้บริโภคทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบอาหารเพิ่มขึ้นสูง ความตระหนักและให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลให้มีการค้นหาออนไลน์ของสินค้าที่ส่งเสริมความยั่งยืนเพิ่มสูงขึ้นถึง 71% ในรอบ 5  ปีที่ผ่านมา[1] รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะในแง่ของสุขภาพ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งที่เลือกซื้อมากขึ้น โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ราคา และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังเริ่มหันไปเลือกซื้อสินค้าและวัตถุดิบพื้นบ้านจากชุมชนมากยิ่งขึ้น ภาคอุตสาหกรรมจึงควรจัดหาสินค้าและบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค หรือสนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากแหล่งชุมชนและเกษตรกรมากยิ่งขึ้น

เทรนด์หลักในปีนี้ ที่ยังมีความสอดคล้องกันกับเทรนด์ในปี 2565 อันดับแรก ได้แก่ เทรนด์ In Control ซึ่งผู้บริโภค ยังคงต้องการควบคุมสุขภาพของตนเอง แต่ในปีนี้ เป็นการควบคุมในรูปแบบของอาหารหรืออาหารเสริมที่ผู้บริโภคเลือกรับประทาน และใช้เทคโนโลยีตรวจวัดสุขภาพ ที่ผลักดันให้เลือกคุณค่าอาหารที่เหมาะกับแต่ละบุคคลมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบอาหารเพิ่มขึ้นสูง ความตระหนักและให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลให้มีการค้นหาออนไลน์ของสินค้าที่ส่งเสริมความยั่งยืนเพิ่มสูงขึ้นถึง 71% ในรอบ 5  ปีที่ผ่านมา

คุณสุทธินันท์ เตชะทยานนท์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด

“เทรนด์ In Control สะท้อนถึงการที่ผู้บริโภคเลือกรับประทานอาหารเพื่อเป็นการเลือกสรรและควบคุมสิ่งต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น ผู้บริโภคจะเลือกจับคู่อาหารหรืออาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และเหมาะสมกับความต้องการทางสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์หรือช่วงอายุต่างๆ ของชีวิต อีกทั้ง ผู้บริโภคยังใช้โซลูชันเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ในการสังเกตและคาดการณ์สุขภาพโดยรวมของตน ทำให้ยิ่งมีความรอบคอบในสิ่งที่บริโภคมากขึ้น แบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม จึงควรสื่อสารกับผู้บริโภคถึงคุณค่าและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ลงบนกล่องบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจนและเรียบง่าย หรือหากมีคิวอาร์โค้ดที่ช่วยตรวจข้อมูลทางโภชนาการ ก็จะยิ่งเป็นการสร้างความรู้สึกแห่งการเลือกสรรและควบคุมได้ต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้น” คุณสุทธินันท์ เตชะทยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

เทรนด์หลักที่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับที่สอง คือเทรนด์ Flexi-Shopping อิสรภาพในการเลือกชอปที่ยืดหยุ่นมากขึ้นตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้คนเลือกซื้ออาหารอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงราคาและคุณค่าที่เหมาะกับตนเองอย่างสูงสุด “ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้บริโภคยังคงคาดหวังผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่เสนอคุณค่าสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับราคา จะมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้กังวลด้านค่าใช้จ่ายก็ให้ความสำคัญกับราคาเช่นเดียวกัน โดยพวกเขาจะซื้อสินค้าที่มีราคาเข้าถึงได้และในบางคราวอาจซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและราคาสูงขึ้นสลับกันไปเพื่อเป็นการให้รางวัลแก่ตนเอง” คุณสุทธินันท์กล่าวเสริม

เทรนด์หลักลำดับที่สาม คือ Eatertainment ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน สังคมหรือชุมชนออนไลน์ ที่นำโดยครีเอเตอร์ในแพลตฟอร์มต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทในด้านการสร้างสรรค์ หรือนำเทรนด์เมนูอาหารใหม่ๆ เป็นอย่างมาก ทำให้การทำอาหารทานเองหรือเลือกซื้ออาหาร กลายเป็นเรื่องที่สนุกและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้บริโภค

คุณสุภนัฐ รัตนทิพ  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด

“ตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์เป็นต้นมา สังคมออนไลน์กลายเป็นที่ที่ยึดโยงผู้คนที่มีความหลงใหลในสิ่งเดียวกันให้เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์กัน โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร” คุณสุภนัฐ รัตนทิพ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ผู้บริโภคได้เข้ามาแบ่งปันหรือค้นหาแรงบันดาลใจในการทำอาหาร ทำให้การทำอาหารกลายเป็นเรื่องสนุกและทำได้ง่ายโดยแทบไม่ต้องพึ่งเชฟ แบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม อาจจะลองใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่ปรุงได้ที่บ้านพร้อมวิธีการทำอาหารแบบทีละขั้นตอนเพื่อเป็นการเน้นย้ำเทรนด์ทำอาหารในบ้าน”

เทรนด์สุดท้าย “Local Reclaimed” เมื่อผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจท้องถิ่นมากขึ้น เครือข่ายระหว่างชุมชนจึงแน่นแฟ้นมากกว่าที่เคย แบรนด์ที่ส่งผลดีต่อชุมชนท้องถิ่นจะกลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นขึ้น “จากสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคได้เห็นผลกระทบที่ชุมชนของตนได้รับ และตั้งใจอุดหนุนแบรนด์ท้องถิ่นมากขึ้น ผู้บริโภคหลายคนรู้สึกโหยหาอดีต และมองหาความสบายใจจากวันวาน รสชาติแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความสุขในวัยเยาว์ได้อีกครั้ง ดังนั้น แบรนด์ที่เน้นวัตถุดิบที่เลือกสรรมาจากชุมชนท้องถิ่น ก็จะสามารถตอบโจทย์เทรนด์นี้ได้” คุณสุภนัฐ กล่าวปิดท้าย

รายงาน ‘เทรนด์ดิพิเดีย’ ของเต็ดตรา แพ้ค  ได้ระบุถึงเทรนด์หลัก 10 เรื่องสำหรับปี 2566 นี้ ได้แก่ เคล็ดลับเพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น (Life Hacks) อิสรภาพในการเลือกชอป (Flexi-shopping) ชีวิตที่ควบคุมได้ (In Control) พักเพื่อเติมเต็มและซ่อมแซม (Replenish and Repair) แนวคิดเพื่อสภาพอากาศ (Climatarianism) ความชัดเจนสีเขียว (Green Clarity) เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง (Un-masking Identities) มุ่งสนับสนุนท้องถิ่น (Local Reclaimed) ชีวิตที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด (Evolving Spaces) และทุกมื้อคือความสนุก (Eatertainment) 

เต็ดตรา แพ้ค นำเสนอรายงานเทรนด์การเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค เทรนด์ดิพิเดีย ประจำปี 2566 ให้กับลูกค้าของเรา เพื่อให้มีความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง   

[1] Research by the Economist Intelligence Unit

เกี่ยวกับเต็ดตรา แพ้ค

เต็ดตรา แพ้ค คือผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตอาหารชั้นนำของโลก โดยทำงานร่วมกับลูกค้าและซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้คนนับพันล้านในกว่า 160  ประเทศทั่วโลก ด้วยจำนวนพนักงานมากกว่า 25,000 คนซึ่งมีฐานการดำเนินงานทั่วโลก เราเชื่อในความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมและการมอบความยั่งยืนแก่ธุรกิจนี้ ปรัชญาการทำงานของเราคือปกป้อง ทุกคุณค่า™ หรือ “PROTECTS WHAT’S GOOD™” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเราในการผลิตอาหารที่ปลอดภัยและซื้อหาได้ในทุกที่

ข้อมูลเกี่ยวกับ เต็ดตรา แพ้ค กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.tetrapak.com/th 



รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
เพิ่มเพื่อน

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Tuesday, 11 April 2023 13:29
จิราพร เดชปัญญา

Author : เกาะติดและเขียนข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร ต่างประเทศ สุขภาพ เครื่องสำอาง แฟชั่น เครื่องประดับ จิวเวลรี่ สินค้าและอุปกรณ์ประเภทของใช้ในครัวเรือน ฯลฯ

Latest from จิราพร เดชปัญญา

Related items

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  
NK-มุมมองเศษฐกิจ-Sidebar1
TMTC-มุมมองเศรษฐกิจ-Sidebar3

Tweet Feed

Post Gallery

“คุณภาพของงาน การบริการที่ดี ตอบสนองทันใจ” คือหัวใจความสำเร็จของบริษัท พรีเมี่ยม ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

เลือกผู้รับเหมาอย่างไรให้ได้งานสำเร็จ

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

AWC เผย Q3 ลงทุน 1 หมื่นล้าน กำไรพุ่ง 1.13 พันล้าน เชื่อมั่นพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมสร้างไทยให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM