บมจ.กสท โทรคมนาคม (แคท) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ได้ลงนามในสัญญาระงับข้อพิพาทและให้บริการเกี่ยวกับเสาโทรคมนาคม และสัญญาการขอใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมระหว่างกัน
การลงนามในสัญญาทั้ง 2 ฉบับ จะช่วยระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินเสาโทรคมนาคมตามสัมปทานให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่แคทได้ทำไว้กับดีแทค ซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมานาน โดยหลังจากนี้ทางดีแทคจะคืนเสาโทรคมนาคมตามสัมปทานให้กับแคท ราว 8,000 แห่งทั่วประเทศ และดีแทคไตรเน็ตจะเช่าใช้เสาโดยจ่ายค่าเสาราวปีละ 1,689 ล้านบาท
และได้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าในวันทำสัญญาไว้แล้ว 3,266 ล้านบาท ซึ่งสัญญาเช่ามีระยะยาวขั้นต่ำ 8 ปี แต่มีสิทธิ์จะต่ออายุได้อีกคราวละ 3 ปี ขณะเดียวกันแคทยังสามารถเปิดให้เอกชนรายอื่นเช่าใช้ได้ด้วยเช่นกัน หากศักยภาพในการรองรับยังเหลือเพียงพอ
ส่วนสัญญาการขอใช้อุปกรณ์โทรคมนาคม ทางดีแทค ไตรเน็ต จะได้สิทธิ์ใช้อุปกรณ์โครงข่ายภายใต้สัมปทานของแคท โดยค่าเช่าระบบสื่อนำสัญญาณและอุปกรณ์อยู่ราว 810 ล้านบาทต่อปี อุปกรณ์โทรคมนาคมภายใต้สัญญาอีกราว 226-790 ล้านบาทต่อปี ตามแต่การใช้งาน โดยมีอายุสัญญา 8 ปีและมีสิทธิ์ต่อสัญญาได้
“การลงนามครั้งนี้ถือว่า win-win ทั้ง 2 ฝ่าย แคทได้ระงับข้อพิพาท ได้ค่าเช่าเสา ทางดีแทคก็ไม่ต้องลงทุนสร้างโครงข่ายใหม่เอง แต่ในส่วนข้อพิพาทในประเด็นอื่น ๆ ระหว่างกัน ได้มีการแยกเจรจาออกไปต่างหาก ซึ่งมีแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาที่ดี คาดว่าจะได้สามารถยุติข้อพิพาททั้งหมดได้ในเร็ว ๆ นี้”
รายงานข่าวจากศาลปกครองกลางแจ้งว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของ กสทช. ในการประชุมครั้งที่ 13/2561 ที่กำหนดเงื่อนไขว่า หากดีแทคไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าสู่มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ไปจนถึง 15 ธ.ค. 2561 เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ดังนั้นเมื่อสิ้นสุดสัมปทานในวันที่ 15 ก.ย. 2561 ดีแทคจะสามารถเปิดให้บริการลูกค้าใช้งานได้ต่อเนื่องจนถึง 15 ธ.ค. 2561
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ